Thursday, January 7, 2016

สอนลูกให้มีอารมณ์ขัน




       การหัวเราะมีคุณประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ทำให้ความดันเลือดคงที่ เป็นการเพิ่มปริมาณออกซิเจนในเลือด ช่วยย่อยอาหาร  และช่วยนวดอวัยวะสำคัญๆ ให้ผ่อนคลาย ทั้งยังช่วยให้ร่างกายจัดการอาการเจ็บป่วยเรื้อรังได้อีกด้วย และที่สำคัญ การหัวเราะยังช่วยเสริมสร้างความรัก และช่วยให้สัมพันธภาพในครอบครัวราบรื่นอีกด้วยค่ะ คุณประโยชน์มากขนาดนี้ เห็นทีคุณแม่คงต้องฝึกให้เจ้าหนูเป็นเด็กที่มีอารมณ์ขัน เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะแล้วล่ะค่ะ
 
  • คุณแม่นับเป็นต้นแบบที่ดีที่ของลูก เพราะในวัยนี้เขาจะพยายามสังเกตและเลียนแบบคุณแม่มากที่สุด หากคุณแม่เป็นคนเครียด ไม่ค่อยยิ้ม ลูกจะจดจำภาพเหล่านั้นติดตา และอาจทำให้กลายเป็นเด็กที่ไม่เริงแจ่มใส แต่หากคุณแม่เป็นคนยิ้มแย้ม มีเสียงหัวเราะอยู่เสมอ ลูกก็จะกลายเป็นเด็กที่มีอารมณ์ดี ยิ้มแย้มแจ่มใสตามไปด้วย
  • คุณแม่ควรคลายความซ้ำซากจำเจของงานบ้าน ด้วยเรื่องตลกหรือปริศนาคำทาย อาจใช้เวลาทำงานบ้านในแต่ละวันที่แสนจะน่าเบื่อ เช่น ระหว่างการล้างจาน หรือกวาดสนามหญ้า ผลัดกับลูกน้อย เล่าเรื่องตลกหรือเล่นปริศนาคำทายกันเพื่อให้ลืมความน่าเบื่อของงานที่ทำ อยู่
  • คุณแม่ต้องทำจิตใจให้สดชื่นแจ่มใสด้วยเรื่อง ตลกที่สร้างสรรค์หรือแต่งขึ้นมาเอง อาจนึกถึงพฤติกรรมของคนในบ้าน แล้วนำมาพูดให้เป็นเรื่องตลกที่สร้างสรรค์ ถือเป็นการแสดงความรักและความประทับใจซึ่งกันและกัน ลองถามลูกดูว่า เขาคิดว่าคนในบ้านคนไหนมีอะไรที่ลูกคิดว่าตลก และน่าสนใจบ้าง
  • คุณแม่ลองรวบรวมเรื่องตลกหรือเหตุการณ์ที่เกิด ขึ้นตลอดวัน แล้วนำเรื่องนั้นมาเล่าตอนรับประทานอาหารเย็นเป็นประจำ เพราะการเพิ่มรสชาติอาหารด้วยเรื่องตลก และการหัวเราะ จะช่วยทำให้อาหารมื้อนั้นอร่อยขึ้นโดยไม่รู้ตัวเลยค่ะ
  • เวลาพาลูกไปเที่ยวนอกบ้าน ให้สังเกตเรื่องน่าขำของผู้คนรอบข้าง ลองเล่าเรื่องเดิมซ้ำไปอีก ให้เติมสีสันเข้าไปบ้าง การเล่าเรื่องในลักษณะนี้ จะกระตุ้นให้ลูกเป็นคนช่างสังเกตและสนใจรายละเอียดของผู้คนรอบข้างมากขึ้นค่ะ
     คงจะดีใช่ไหมคะ หากลูกน้อยของคุณแม่กลายเป็นเด็กอารมณ์ดี มีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะอยู่ตลอดเวลา เพราะเมื่อลูกน้อยสุขภาพจิตที่ดี สุขภาพกายที่แข็งแรงก็จะมาตามด้วยค่ะ

แหล่งที่มา http://www.enfababy.com
เครดิตภาพ  http://googglet.com/images/baby%20girl%20cute%20costumes

No comments:

Post a Comment