Sunday, February 17, 2019

6 วิธีเลี้ยงลูกให้แฮปปี้ เป็นเด็กดีที่มีความสุขได้ง่าย ๆ





         วิธีเลี้ยงลูกให้มีความสุข ด้วย 6 วิธีง่าย ๆ เริ่มได้จากคุณพ่อคุณแม่ ที่จะช่วยให้เขาเติบโตเป็นคนดีที่มีความสุขได้ง่าย ๆ

         คุณพ่อคุณแม่ทุกคนล้วนอยากให้ลูกของตัวเองเติบโตมาเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต เป็นคนเก่งของพ่อแม่และสังคมกันทั้งนั้น แต่ในสังคมปัจจุบันนี้การจะเป็นคนเก่งที่ฉลาดอย่างเดียวคงไม่พอ ต้องมีความฉลาดทางอารมณ์ ที่ประกอบด้วย ความเก่ง ความดี และความสุข ควบคู่กันไปด้วย ซึ่งวิธีเลี้ยงลูกให้เก่ง ดี และมีความสุขนั้นไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง หรือหาซื้อของแพง ๆ มาให้ลูกแต่อย่างใดเลยค่ะ เพียงแค่คุณพ่อคุณแม่เข้าใจในตัวลูก เข้าใจในพัฒนาการของเด็กแต่ละช่วงอายุ และเลี้ยงดูเขาให้เหมาะสมตามวัย ก็จะทำให้เขาได้เรียนรู้ และเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่เก่ง ดี และมีความสุข ที่ประสบความสำเร็จทั้งด้านการเรียน การทำงาน และประสบความสำเร็จในชีวิตได้

           ในเมื่อความสุขถือเป็นตัวแปรสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้เด็กเติบโตเป็นผู้ใหญ่ได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว วันนี้กระปุกดอทคอมก็เลยขอนำบทความดี ๆ เกี่ยวกับวิธีเลี้ยงลูกให้เป็นเด็กที่มีความสุขทั้ง 6 วิธี ที่คุณพ่อคุณแม่สามารถนำไปปรับใช้ในการเลี้ยงลูกได้ เพื่อให้เขาได้มีพัฒนาการทางอารมณ์ที่สามารถต่อยอดไปสู่ความสำเร็จได้ในอนาคต

1. เล่นกับลูกเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์

          การเล่น เป็นสิ่งง่าย ๆ ที่ทำให้เด็กมีความสุข ยิ่งถ้าเขาได้มีอิสระ และได้ใช้จินตนาการในการเล่นแบบต่าง ๆ แล้ว เขาก็จะมีโอกาสแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในการเล่นได้เอง และถ้ามีคุณพ่อคุณแม่มาร่วมเล่นด้วย ก็จะช่วยพัฒนาความรักความสัมพันธ์ระหว่างคนในครอบครัวได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้การแสดงความรักต่อลูกด้วยการกอด หรือหอมแก้ม ก็จะทำให้ใกล้ชิดกับลูก และช่วยเพิ่มความอบอุ่นในครอบครัวยิ่งขึ้นด้วยค่ะ

2. อ่านหนังสือด้วยกันทุกวัน


          คุณพ่อคุณแม่เคยสงสัยไหมคะว่าทำไมเจ้าตัวน้อยถึงชอบให้เล่านิทานให้ฟังอยู่บ่อย ๆ  นั่นก็เพราะว่าเด็ก ๆ ชอบฟังเสียงคุณพ่อคุณแม่อ่านหนังสือหรือเล่านิทานให้ฟังอยู่เสมอ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นพัฒนาการทางสมองของลูก และยังเพิ่มความแน่นแฟ้นในครอบครัวได้ดีอีกด้วย ซึ่งวิธีที่ดีที่สุดไม่ใช่การอ่านหนังสือให้ลูกฟังเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่คุณพ่อคุณแม่ควรอ่านหนังสือด้วยกันกับลูก สลับการสอนคำศัพท์ หรือถามตอบเกี่ยวกับเนื้อหาและแสดงความคิดเห็น นอกจากจะทำให้เขารู้สึกเพลิดเพลินแล้ว ยังเป็นการปลูกฝังให้รักการอ่านอีกด้วย

3. ให้ลูกสร้างความสัมพันธ์กับเพื่อน ๆ และคนรอบข้าง

          การเข้าสังคมเป็นพื้นฐานการสร้างบุคลิกภาพที่เหมาะสมของเด็ก ซึ่งจะช่วยให้เขามีโอกาสได้เรียนรู้การอยู่ร่วมกันกับคนในสังคม ทั้งเพื่อน ๆ และคนรอบข้าง รวมถึงได้พัฒนาทักษะด้านอารมณ์ที่ดี ซึ่งจะเป็นพื้นฐานที่ดีในการดำเนินชีวิตในอนาคต เพราะจะช่วยให้ลูกอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข รู้จักระเบียบวินัย รู้จักการแบ่งปัน ควบคุมอารมณ์ได้ดี และมีทัศนคติที่ดีในการใช้ชีวิต

4. เป็นแบบอย่างที่ดีให้เขาเห็น

          การสอนที่ดีที่สุด คือการที่ตัวผู้สอน หรือคุณพ่อคูณแม่ผู้ปกครองทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีให้ลูกเห็นอยู่เสมอ เพราะเด็กจะซึมซับจากพฤติกรรมที่ผู้ใหญ่แสดงออกมาโดยอัตโนมัติมากกว่าการสอนด้วยคำพูดใด ๆ ซึ่งรวมไปถึงการแสดงอารมณ์ของคุณพ่อคุณแม่เช่นกัน หากคุณพ่อคุณแม่เครียดหรือหงุดหงิด ก็อาจทำให้ลูกเครียดและทำกิริยาก้าวร้าวออกมาได้ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงต้องดูแลตัวเองและควบคุมอารมณ์ให้ดีอยู่เสมอ

5. ชื่นชมเมื่อลูกทำสิ่งที่ดี

          เมื่อลูกทำความดีหรือทำในสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสม คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็ควรให้คำชมและให้การสนับสนุน ให้เขาได้รู้ว่าคุณชื่นชมยินดีมากขนาดไหน เช่น การช่วยเหลืองานบ้าน หรือแบ่งปันขนมให้พี่น้อง ซึ่งคำชมนี้ถือเป็นกำลังใจและแรงเสริมทางบวกที่จะช่วยผลักดันให้เด็กทำในสิ่งดี ๆ ต่อไปได้เรื่อย ๆ ทั้งยังช่วยให้เขามีแรงกระตุ้นในการเรียนรวมถึงการใช้ชีวิตประจำวัน และยังเพิ่มความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัวอีกด้วย

6. สังเกตพฤติกรรมลูกทั้งที่บ้านและโรงเรียน

          คุณพ่อคุณแม่ควรเอาใจใส่และหมั่นสังเกตพฤติกรรมของลูกขณะที่อยู่ที่โรงเรียน ว่าเขามีพฤติกรรมอย่างไร สามารถปรับตัวเข้ากับเพื่อนและคุณครูได้หรือไม่ โดยอาจถามจากครูประจำชั้น หรือตัวของลูกเองว่าวันนี้ที่โรงเรียนเป็นอย่างไรบ้าง เรียนวิชาอะไร เพื่อน ๆ และคุณครูเป็นอย่างไร รวมถึงสังเกตพฤติกรรมของเขาขณะอยู่ที่บ้าน หากวันนี้ลูกดูซึม ๆ ไม่ร่าเริงเหมือนก่อน คุณพ่อคุณแม่ก็ควรเข้าไปพูดคุยปรับทุกข์กับลูก ให้เขารู้สึกผ่อนคลายและรู้สึกว่าเขายังมีพ่อแม่อยู่ข้าง ๆ เสมอ

          
การเลี้ยงลูกให้เป็นคนดีและมีความสุขนั้น ไม่ใช่เรื่องยากเกินกว่าที่คุณพ่อคุณแม่จะทำได้เลยใช่ไหมคะ เพียงแต่คุณพ่อคุณแม่ต้องมีความเข้าใจในตัวลูก รวมถึงมีการอบรมสั่งสอนให้อยู่ในกฎระเบียบ แต่ก็ควรสอนอย่างพอดี ไม่เข้มงวดหรือใช้อำนาจควบคุมลูกจนเกินไป อาจทำให้ลูกต่อต้านและไม่เชื่อฟังได้ นอกจากนี้การให้ความรักความอบอุ่นกับคนในครอบครัวก็สำคัญมากเช่นกัน เพราะเด็ก ๆ ต้องการความรักจากครอบครัวยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด ต่อให้จะซื้อของเล่นแพง ๆ แค่ไหนก็ไม่อาจเทียบเท่าความรักของคุณพ่อคุณแม่ได้เลยค่ะ ^_^

ข้อมูลจาก : yourtango.co, yourtango.com
เครดิตภาพ   https://www.pinterest.com/aimeelmahoney/asian-babies-and-kids/

Friday, February 15, 2019

เทคนิคเลือกหนังสือเด็ก




          ใกล้ถึงงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติปลายเดือน มี.ค.นี้แล้ว ได้เวลาที่พ่อแม่จะคัดสรรหนังสือสำหรับลูกเพื่อเสริมสร้างพัฒนาการลูกน้อย และพ่อแม่ควรศึกษาเทคนิคการเลือกซื้อหนังสือเสริมประสบการณ์สำหรับเด็ก ปฐมวัย ดังนี้

           1. หนังสือสำหรับเด็กควรมีความหลากหลาย ทั้งในด้านเนื้อเรื่องและภาพประกอบ ซึ่งอยู่ในรูปแบบนิทาน หนังสือภาพ หนังสือคำคล้องจอง สารานุกรม หนังสือกลุ่มกิจกรรมการประดิษฐ์ หนังสือผ้า หนังสือที่มีผิวสัมผัสที่แตกต่างกัน หนังสือที่มีเสียงประกอบ ฯลฯ เพื่อช่วยเสริมประสบการณ์รอบตัว

           2.  สิ่งที่ควรคำนึงถึงของหนังสือสำหรับเด็กที่ดี จะต้องมีการใช้ภาษาสละสลวย ช่วยให้เกิดจินตนาการ เนื้อเรื่องไม่ซับซ้อนเกินไป

           3. รูปเล่มต้องมีความจูงใจให้เด็กสนใจ ขนาดตัวอักษร จำนวนหน้า จำนวนคำศัพท์ เหมาะสมกับวัย สีสบายตา ไม่ใช้สีสะท้อนแสง

           4. แบบฝึกคัดลายมือไม่ได้ส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็กเชิงบูรณาการ จึงไม่เหมาะกับเด็กปฐมวัย


ไทยโพสต์
เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/pin/79446380899895679/