Tuesday, September 27, 2016

5 พฤติกรรมของเด็ก ๆ ที่บ่งบอกว่าพวกเขาคือไอน์สไตน์ตัวน้อย




พัฒนาการเด็ก 5 อย่าง ที่ส่งสัญญาณฉายแววอัจฉริยะ ลองสังเกตลูกของคุณดูสิว่ามีหรือเปล่า

           คุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกน้อยในช่วงวัยประถม มักจะเป็นกังวลถึงการเรียนรู้ของพวกเขาใช่ไหมคะ เพราะเด็กในวัยนี้เริ่มสนใจหลายสิ่งหลายอย่าง หัดอ่านหัดเขียน มีสังคมที่โรงเรียน และสมองของเด็กจะพัฒนาเต็มที่ ซึ่งถ้าหากพวกเขามีพฤติกรรมท่าทีอะไรแปลก ๆ ก็ไม่ต้องกังวลใจไปนะคะ เพราะนั่นคือสัญญาณบ่งบอกว่าลูกของคุณนั้นเป็นเด็กฉลาด ไหวพริบดี และเรียนรู้ได้เร็วสมวัยนั่นเองค่ะ ว่าแต่จะมีพฤติกรรมอะไรบ้างที่เด็ก ๆ มักชอบทำกัน วันนี้กระปุกดอทคอมได้รวบรวมมาฝากคุณพ่อคุณแม่แล้ว เราไปดูกันเลยดีกว่า


1. ช่างซักช่างถาม

           เด็ก ๆ ขี้สงสัยไปเสียทุกอย่าง ต่อให้เป็นเรื่องไร้สาระก็ตาม เพราะพวกเขากำลังเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ถ้าหากพวกเขาถามในเรื่องที่อธิบายยาก คุณพ่อคุณแม่อาจจะตอบแบบให้เด็กเข้าใจง่ายและแฝงความขี้เล่น หรือมีคำถามกลับให้เด็ก ๆ ได้กลับไปขบคิดด้วยตนเอง ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้ดีต่อตัวเด็กและพ่อแม่ เพราะจะทำให้ความสัมพันธ์ของครอบครัวแน่นแฟ้นมากขึ้นด้วยนะคะ
 

2. จดจำเรื่องราวต่าง ๆ ได้ดี

           ไม่จำเป็นต้องท่องศัพท์หรือตำราเรียนได้อย่างเดียวนะคะ อาจจะเป็นการจดจำอดีตหรือสิ่งที่ลูกน้อยของคุณเคยเห็นผ่านตา แล้ววันนี้กลับนำมาถามซ้ำใหม่ นั่นแสดงว่าลูกน้อยของคุณมีความจำที่ดี และสามารถคิดแก้ไขปัญหาได้จากข้อมูลในความทรงจำนั่นเองค่ะ


3. สนใจอ่านหนังสือ

           อ่านหนังสือในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าอ่านจริง ๆ จัง ๆ ขอเพียงแค่เปิดหนังสือดูเล่นก็พอแล้วล่ะค่ะ อย่างเช่นพวกหนังสือนิทานนั้นจะมีรูปประกอบสีสันสวยงาม เด็ก ๆ จะให้ความสนใจกับรูปพวกนั้น ซึ่งถ้าหากพวกเขาอยากรู้เรื่อง คุณพ่อคุณแม่ก็อาศัยจังหวะนี้สอนหนังสือให้ลูกอ่านเองได้ โดยที่ไม่ต้องไปบังคับเด็กด้วยค่ะ
 

4. เก็บสะสมสิ่งของต่าง ๆ

           เคยสังเกตไหมคะว่าเวลาที่พาลูกน้อยไปเที่ยวชายทะเล พวกเขามักจะหยิบเปลือกหอยเล็ก ๆ ขึ้นมาเก็บใส่กระเป๋า หรือซื้อขนมห่อละ 5 บาท แต่กลับไม่กินขนมเลย แค่ต้องการของแถมที่อยู่ข้างในเท่านั้น เป็นเพราะลูกของคุณมีความสุขกับสิ่งที่ได้ทำ ส่งผลให้อารมณ์ดีและสมองก็จะพัฒนาได้ดีตามด้วยนั่นเองค่ะ


5. มีนิสัยชอบจัดเรียง

           เด็ก ๆ จะรู้สึกเพลินเพลินและสนุกไปกับการเรียงสิ่งของต่าง ๆ ให้เป็นระเบียบ เช่น เรียงสีไม้ในกล่อง เรียงของเล่นจากชิ้นเล็กไปหาชิ้นใหญ่ ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้บ่งบอกว่าลูกน้อยของคุณเริ่มรู้จักแยกแยะและแบ่งประเภทเป็น แถมยังฝึกความเป็นระเบียบไปในตัวอีกด้วยล่ะค่ะ

           รู้แบบนี้แล้วลองไปสังเกตลูกน้อยของคุณดูนะคะว่ามีพฤติกรรมตามที่บอกหรือเปล่า ถ้ามีแสดงว่าเจ้าหนูน้อยเริ่มฉายแววอัจริยะแล้วล่ะ ไม่แน่โตขึ้นไปอาจคิดค้นทฤษฎีใหม่ ๆ จนได้รับรางวัลโนเบลก็ได้นะ


ข้อมูลจาก : romper.com, raisesmartkid.com
http://baby.kapook.com/%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81-157100.html
เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/pin/428475352023392987/

Monday, September 26, 2016

7 วิธีสร้างรอยยิ้มให้ลูก ๆ


          ถึงบางครั้งการซื้อของเล่นหรือเสื้อผ้าชิ้นโปรด จะช่วยให้ลูก ๆ อารมณ์ดีได้ไม่ยาก แต่ก็คงเทียบไม่ได้กับการทำให้เขาอารมณ์ดีด้วยความรักความเอาใจใส่จากพ่อแม่ เพราะจะทำให้เขารู้สึกปลอดภัยและเติบโตขึ้นมาอย่างอบอุ่น แถมยังช่วยให้ครอบครัวใกล้ชิดกันมากขึ้นอีกด้วย ดังนั้นคุณจึงควรทำให้ลูกยิ้มและหัวเราะได้บ่อย ๆ ด้วยการทำตามวิธีเหล่านี้

1. พาลูกออกไปเล่นนอกบ้านบ้าง

         ใช้เวลาพาลูกไปเล่นตามสนามเด็กเล่นหรือสระว่ายน้ำแถวบ้านบ้าง เขาจะได้เล่นของเล่นใหม่ ๆ ที่ไม่มีในบ้าน โดยที่มีคุณคอยดูแลความปลอดภัยอยู่ใกล้ ๆ ตลอดเวลา แถมยังช่วยให้ทั้งคุณและลูกมีสังคมมากขึ้น จากการได้พบปะผู้คนใหม่ ๆ อยู่เสมออีกด้วย อย่างไรก็ตาม ควรดูให้ดีอย่าเลือกไปที่เก่าหรือสกปรกมากนัก จะทำให้ลูกติดโรคได้

2. ตั้งฉายาน่ารัก ๆ ให้กับลูก

         เด็ก ๆ น่ะไร้เดียงสาจะตายไป เวลาที่เขาชอบตัวการ์ตูนตัวไหนเป็นพิเศษ แค่เรียกเขาด้วยชื่อของตัวการ์ตูนนั้นหรือสิ่งอื่น ๆ ที่เขาสนใจ เท่านี้ก็จะช่วยให้เขาอารมณ์ดียิ้มไปได้ทั้งวันแล้วล่ะ นอกจากนี้อาจลองนั่งดูการ์ตูนเรื่องที่เขาชอบเป็นเพื่อน เพื่อให้เขาไม่รู้สึกเหงาน้อยลงและสนุกมากขึ้นก็ได้เหมือนกัน

3. แสดงความรักกับเขาบ่อย ๆ

         ไม่มีลูกคนไหนไม่ชอบอ้อมกอดของพ่อแม่ เพราะฉะนั้นควรให้ความรักความเอาใจใส่เขาด้วยการกอดหรือหอมเป็นประจำก่อนจะพาเขาเข้านอน และชมพร้อมกับหอมแก้มเบา ๆ เวลาที่เขาทำตัวดี จะช่วยให้เขารู้สึกใกล้ชิดกับคุณมากขึ้น แถมยังรู้สึกอยากอ้อนทำตัวเป็นเด็กดีมากขึ้นด้วย

4. หาขนมติดไว้ให้เขาด้วย

         เด็กวัยกำลังโตก็ชอบทานขนมหวาน ๆ ทุกคนนั่นแหละ ดังนั้นควรซื้อขนมอร่อย ๆ ที่ดีกับสุขภาพติดไว้ให้เขาทานเล่นเพลิน ๆ นอกจากนี้ก็อย่าลืมเตือนเขาให้แปรงฟันทุกครั้งหลังจากทานขนมด้วยล่ะ จะได้ไม่ฟันผุจนต้องไปหาหมอฟันให้เจ็บตัว

 5. อย่าทำให้เขารู้สึกน้อยใจเด็ดขาด

         ลูกของคุณยังเด็ก จึงอาจฝังใจไปจนโตได้ ถ้าเขารู้สึกว่าตัวเองได้รับความรักไม่มากพอ ดังนั้นไม่ควรพูดเปรียบเทียบเขากับคนอื่นจนเขารูสึกน้อยใจ โดยเฉพาะคนที่ไม่ได้มีลูกคนเดียว ควรดูแลเอาใจใส่ลูกให้เท่ากัน เพื่อไม่ให้เขารู้สึกอิจฉากันและกัน จนกลายเป็นพี่น้องที่ไม่รักกัน และเป็นปมด้อยว่าเป็นลูกที่พ่อแม่ไม่รักเมื่อโตขึ้น

6. เล่นของเล่นเป็นเพื่อนลูก

         โดยเฉพาะถ้าลูกของคุณเป็นลูกคนเดียวที่ต้องเล่นตามลำพังเป็นประจำ เขาจะได้ไม่รู้สึกเหงาเวลาที่คุณมาคอยเล่นเป็นเพื่อนอยู่ใกล้ ๆ และคุณจะได้ดูแลเขาให้เล่นอย่างปลอดภัยไปในตัว นอกจากนี้ยังช่วยให้คุณได้ย้อนเวลากลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง ผ่านการเล่นของเล่นที่เป็นความทรงจำดี ๆ ในวัยเด็กของคุณอีกด้วย

7. หากิจกรรมทำเป็นครอบครัว

         ไม่มีอะไรทำให้ลูก ๆ มีความสุขมากไปกว่าการได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาทั้งครอบครัวอีกแล้ว เพราะจะทำให้เขารู้สึกอบอุ่นจากการเห็นพ่อแม่ที่รักกัน แถมยังได้ใช้เวลาดี ๆ ร่วมกันอีกด้วย ดังนั้นช่วงวันหยุดควรทำตัวให้ว่างและพาลูก ๆ ออกไปเที่ยวในที่ที่เขาชอบบ้าง จะได้ทำให้เขามีความสุขและรู้สึกสนิทกับคุณมากขึ้น

         นอกจากดูแลให้ลูกอารมณ์ดีมีความสุขทุกวันแล้ว ก็อย่าลืมใส่ใจสุขภาพด้วยการพาเขาไปตรวจร่างกายเป็นประจำเพื่อร่างกายที่แข็งแรงด้วยนะคะ


เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/icustomstitch/baby-smiles/

Wednesday, September 21, 2016

ลั่นเลย ! เมื่อคุณแม่สายฮา จับลูกแฝดที่กำลังหลับ มาทำแบบนี้



เครดิตจาก : https://www.instagram.com/ayumiichi/



ลั่นเลย ! รวมภาพน่ารัก ๆ ของคุณหนูตัวน้อย เมื่อคุณแม่สายฮา จับลูกแฝดชายหญิงที่กำลังหลับอยู่ มาแต่งตัวด้วยแฟชั่นแบบจัดเต็ม พร้อมออกแบบท่าทางขำ ๆ ก่อนถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึก เห็นแบบนี้แล้วอดยิ้มตามไม่ได้จริง ๆ

เครดิตจาก : https://www.instagram.com/ayumiichi/




เครดิตจาก : https://www.instagram.com/ayumiichi/




เครดิตจาก : https://www.instagram.com/ayumiichi/




เครดิตจาก : https://www.instagram.com/ayumiichi/




เครดิตจาก : https://www.instagram.com/ayumiichi/




เครดิตจาก : https://www.instagram.com/ayumiichi/




เครดิตจาก : https://www.instagram.com/ayumiichi/




เครดิตจาก : https://www.instagram.com/ayumiichi/




เครดิตจาก : https://www.instagram.com/ayumiichi/




เครดิตจาก : https://www.instagram.com/ayumiichi/




เครดิตจาก : https://www.instagram.com/ayumiichi/




เครดิตจาก : https://www.instagram.com/ayumiichi/




เครดิตจาก : https://www.instagram.com/ayumiichi/




เครดิตจาก : https://www.instagram.com/ayumiichi/




เครดิตจาก : https://www.instagram.com/ayumiichi/




เครดิตจาก : https://www.instagram.com/ayumiichi/




เครดิตจาก : https://www.instagram.com/ayumiichi/




เครดิตจาก : https://www.instagram.com/ayumiichi/




เครดิตจาก : https://www.instagram.com/ayumiichi/




เครดิตจาก : https://www.instagram.com/ayumiichi/




เครดิตจาก : https://www.instagram.com/ayumiichi/




โพสต์โดย changjo21 เมื่อ 21 ก.ย. 59 10:55:12
ภาพจาก : IG - ayumiichi
เครดิตจาก : https://www.instagram.com/ayumiichi/
http://world.kapook.com/pin/57e204a04d265a9ef28b4567

Monday, September 19, 2016

มาป้องกันไม่ให้ลูกน้อยของคุณขาโก่งกันเถอะ !!!




วันนี้ผู้ช่วยคุณแม่จะมาแนะนำวิธีที่ ช่วยป้องกันไม่ให้ลูกน้อยของคุณขาโก่งกันค่ะ คุณแม่ท่านไหนกำลังประสบปัญหาเหล่านี้อยู่ ห้ามพลาดเด็ดขาด !!!


เสริมวิตามิน D
 
เพื่อให้ร่างกายสามารถรักษาภาวะสมดุลของ ระดับแคลเซียมในเลือดและในกระดูกได้ดี โดยวิตามิน D จะมีอยู่มากในนม ตับ และไข่แดง หรือออกไปเดินเล่นนอกบ้านเพื่อรับวิตามิน D จากแสงแดดยามเช้าก็ได้


ดัดขาเบาๆ หลังอาบน้ำ

การดัดหรือยืดขาของลูกเบา ๆ จะช่วยให้ลูกได้ยืดเส้นยืดสาย คุณแม่อาจนวดคลึงเบา ๆ บริเวณขาของลูก ก็จะช่วยให้ขาของลูกแข็งแรงและลูกก็จะสบายตัวยิ่งขึ้นค่ะ


จัดท่านั่งและท่านอนทารกให้ถูกต้อง

คุณแม่ต้องคอยจัดท่านั่งและท่านอนของลูกให้อยู่ในท่าที่ถูกต้อง เพื่อจะไม่ทำให้เกิดการโค้งงอหรือการผิดรูปของกระดูก


เป็นอย่างไรบ้างคะกับวิธีเหล่านี้ ง่าย ๆ ทั้งนั้นเลยใข่ไหมล่ะคะ


ที่มา : MUMHELPER
โพสท์โดย: CMCpro
เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/pin/335377503474232825/

Monday, September 12, 2016

10 วิธี ฝึกลูกช่วยเหลือตัวเอง




   เมื่อลูกไม่ได้รับการฝึกให้รู้จักช่วยเหลือตัวเอง คิดว่าลูกจะได้รับผลเสียใดบ้าง?


          * ลูกตัดสินใจเองไม่เป็น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องง่ายๆ ขึ้นไปจนถึงเรื่องยากๆ

          * ลูกติดนิสัยคอยพึ่งพาแต่คนอื่น ทำสิ่งใดด้วยตัวเองไม่เป็นเรื่อยไปจนโต

          * ลูกจะมีนิสัยรักความสบาย รับความลำบากได้ยาก เพราะเคยมีแต่คนทำให้

          * ลูกจะมีปัญหาในการเข้าสังคม เพราะยึดติดอยู่กับผู้ใหญ่ที่คอยแก้ปัญหาให้

          * ลูกจะปรับตัวให้เข้ากับเพื่อนหรือคนรอบข้างไม่ได้

          * ลูกจะคิดแก้ไขปัญหาไม่เก่ง คิดได้ช้า หรือคิดวิธีแก้ปัญหาได้น้อย

          * ลูกจะมีความรับผิดชอบต่อตัวเองในด้านต่างๆ น้อยกว่าเด็กทั่วไป

          * ท้ายที่สุดพ่อแม่อาจทนพฤติกรรมลูกไม่ได้เมื่อโตขึ้น ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างกันลดลง

 

          ทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นผลกระทบจากการที่ไม่ได้ฝึกให้ลูกรู้จักช่วยเหลือตัวเองค่ะ ทั้ง ๆ ที่ลูกกำลังอยู่ในช่วงวัยต้องการทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเอง ชอบรบเร้าจะเข้ามาช่วยพ่อแม่ทำโน่นนี่ เพราะต้องการเรียนรู้การใช้ชีวิตตามผู้ใหญ่ ดังนั้นลองฉวยโอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์ ด้วยการสอนให้ลูกรู้จักช่วยเหลือตัวเองกับ 10 เคล็ดลับนี้สิคะ

 

1. เข้าใจพัฒนาการลูกวัย Toddler

          วัยนี้จะมีความรู้สึกใหม่เกิดขึ้น คือ อยากรับผิดชอบชีวิตประจำวันของตัวเองบ้าง อยากมีส่วนร่วมในการล้างมือ อาบน้ำ กวาดบ้าน ถูบ้าน ใช้ค้อน คราด แปรงฟันเอง พยายามทำทุกอย่างที่เคยเห็นเขาทำ และเริ่มมีทัศนคติที่ดี กับสิ่งที่ต้องทำเป็นประจำ จึงพยายามช่วยตัวเอง เช่น รู้จักสอดแขนเข้าไปในแขนเสื้อ ใส่กางเกง สนใจแกะหรือใส่กระดุม สวมถุงเท้ารองเท้าเอง แม้วัยนี้จะช่วยเหลือตัวเองได้ แต่ก็ควรช่วยลูกบ้าง เช่น หากางเกง เสื้อที่ลูกใส่ได้ง่าย หาช้อนที่ตัดกินเองได้ง่าย วางแปรงสีฟัน ถ้วยในที่ที่ลูกเอื้อมหยิบถึง ฯลฯ

 

2. เริ่มมอบหมายงานบ้าน

          โอกาสทองที่เพิ่มความรู้สึกความภาคภูมิใจ และความเชื่อมั่นในตัวเองให้ลูก คือ การให้ลูกรู้จักช่วยงานบ้าน แม้จะเป็นงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ตามค่ะ เพราะเหล่านี้ถือเป็นการส่งสัญญาณให้ลูกรู้ว่า พ่อแม่มีความเชื่อมั่นว่าลูกจะสามารถรับผิดชอบ และทำงานที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จลุล่วงไปได้ แถมยังช่วยให้ลูกรู้ว่า ตัวเองก็มีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือครอบครัวด้วยเหมือนกัน แล้วลูกยังรู้สึกดีมีความภาคภูมิใจ ที่ได้รู้ว่าตัวเองก็เป็นที่ต้องการของพ่อแม่ด้วย เช่นกันค่ะ

 

3. อย่าคิดว่าลูกไม่สามารถ

          ถึงจะดูว่าลูกวัยเตาะแตะยังเล็ก แต่ขอบอกว่า ลูกก็สามารถ ช่วยเก็บของเล่นที่ลูกเล่นเกลื่อนบ้านลงใส่ในตะกร้าเก็บของเล่นได้ หยิบเสื้อผ้าที่จะซักใส่เครื่องซักผ้าได้ (แม้ว่าจะค่อย ๆ ใส่ทีละชิ้นทีละชิ้น) วางช้อนส้อมบนโต๊ะอาหารเมื่อถึงเวลากินข้าวเย็นได้ วางผ้ารองจานข้าวได้ (ถ้าที่บ้านใช้) จับคู่ถุงเท้าของพ่อที่ซักสะอาดแล้วให้เข้าคู่ได้ (โดยแม่เป็นคนพับ) เมื่อลูกทำงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ นี้จนเริ่มชินแล้ว จึงค่อยมอบหมายให้ลูกทำงานที่ยากขึ้นไปอีกนิดเมื่อลูกโตขึ้นได้

 

4. ทำงานบ้านเป็นเรื่องสนุก

          ควรแสดงออกให้ลูกรู้ว่าพ่อแม่สนุกและพอใจที่ได้ทำงานบ้านร่วมกับลูก เช่น แทนการใช้คำสั่งให้เก็บของเล่นที่เกลื่อนกลาดบนพื้น อาจใช้วิธีชวนลูกเล่นแข่งเก็บของเล่นใส่กล่อง เกมพาน้องตุ๊กตากลับบ้าน ซึ่งก็คือเก็บตุ๊กตาเข้าที่ ร้องเพลงที่ลูกชอบด้วยกัน แต่งเพลงขึ้นมาใหม่ในการพับผ้าคิดท่าเต้นขณะกวาดบ้าน แข่งกันเก็บผ้าปูที่นอน ซื้อไม้กวาดเด็ก ที่พรวนดินเด็ก ถุงมือเด็กให้ลูกหยิบจับ ซึ่งนอกจากช่วยให้ลูกยินดีที่จะทำมากขึ้น ลูกยังสนุก และลดความวุ่นวายเวลาลูกมาแย่งอุปกรณ์จากแม่ได้ด้วย

 

5. ดูความสนใจของลูก

          การที่จะฝึกให้ลูกคุ้นเคยกับงานบ้าน พ่อแม่ควรเริ่มต้นจากงานที่ลูกสนใจก่อน เพราะความอยากรู้อยากเห็นจะเป็นแรงกระตุ้นให้ลูกเรียนรู้ และทำสิ่งนั้นได้ดี รวมทั้งรู้สึกสนุกได้มากกว่าการไปบังคับให้ลูกทำในสิ่งที่ไม่สนใจ ถ้าลูกอยากจะเข้ามาช่วย หรือขอเข้ามามีส่วนร่วมขณะพ่อแม่กำลังทำงานบ้าน ควรให้ลูกเข้ามาส่วนช่วยทำงานบ้าง ถึงลูกจะถ่วงเวลาให้ทำได้ชักช้า วุ่นวาย หรือไม่ทันใจไปบ้าง ก็ได้อย่าดุว่าลูกเลยนะคะ

 

6. หางานง่าย ๆ ให้ลูกทำ

          อย่าเริ่มด้วยงานบ้านยาก ๆ จนลูกรู้สึกเบื่อหน่าย ท้อถอย หางานง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก ซับซ้อน ทำได้ง่ายตามวัย โดยเน้นเรื่องความพยายามของลูก แม้ว่าผลงานที่ออกมาจะไม่เรียบร้อย แต่คนตัวเล็กอย่างลูกต้องใช้ความพยายามมาก งานที่ควรให้ลูกทำ เช่น * เก็บของเล่น ของใช้ เสื้อผ้าเข้าที่ * ให้อาหารสุนัข แมว ปลา * ล้างผัก * เก็บของเล่นชิ้นเล็กใส่ตะกร้าหรือกล่อง *หยิบเสื้อผ้าใส่เครื่องซักผ้าที่เปิดฝาด้านหน้า * วางรองเท้าในที่เก็บ * วางช้อนส้อมบนโต๊ะ * วางแผ่นรองจานข้าว

 

7.ชมเชยและชื่นชมลูกบ้าง

          หลายคนอาจนึกไปไม่ถึงว่าการที่ลูกได้รับความไว้วางใจให้ทำงาน จะช่วยสร้างความมั่นใจให้เกิดขึ้นในใจลูกอย่างได้ผลจนเกินคาดค่ะ นักจิตวิทยายืนยันว่าการให้ลูกมีส่วนร่วมทำงานบ้าน จะทำให้ลูกเกิดความรู้สึกกว่าตัวเองมีคุณค่า เกิดรู้สึกในทางบวกกับตัวเองมากขึ้น คำชมและเสียงตบมือ จึงเป็นกำลังใจที่ลูกต้องการ เมื่อลูกทำงานได้สำเร็จ ทำได้ดีก็อย่าลืมชมเชยในความสามารถของลูก ถึงลูกจะยังทำได้ไม่เนี้ยบเรียบร้อยเท่าพ่อแม่ก็ตาม ให้เวลาลูกอีกสักนิดนะคะ แล้วลูกก็จะค่อยทำได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ค่ะ

 

8. อย่าให้งานลูกมากเกิน

          การให้ลูกทำงานหลายชิ้นจะทำให้ลูกรู้สึกเบื่อหน่าย เพราะจะทำให้ลูกล้มเลิกการทำงานเหล่านั้นได้ค่ะ เลือกงานบ้านให้ลูกทำทีละอย่างก็พอ หรืออย่างมากสุดก็ไม่ควรให้เกิน 2 ชิ้น ที่สำคัญ ไม่ควรเปลี่ยนใจไปมาให้ลูกทำงานอย่างอื่นแทรกขึ้นมา ทั้งที่ลูกยังทำงานชิ้นเดิมไม่เสร็จ ถ้าจะให้ลูกทำงานบ้านเพิ่มอีก ควรเริ่มให้หลังจากที่ลูกทำงานหลักเสร็จไปแล้ว ลูกจะได้ตั้งใจทำงานให้สำเร็จเป็นชิ้น ๆ ไป ควรให้ลูกทำทีละน้อย ใช้เวลาไม่นานนักลูกจะได้ทำงานได้ง่ายและสะดวกขึ้น แล้วควรอยู่ใกล้ ๆ ลูกด้วยจะได้ช่วยเหลือเมื่อเกิดติดขัดค่ะ

 

9. อย่าทำแทนลูกทุกอย่าง

          การไม่ปล่อยให้ลูกทำงานด้วยตัวเองให้สำเร็จลุล่วงไป จะเป็นการทำงานความมั่นใจของลูก ทำให้ลูกไม่กล้าที่จะทำงานต่าง ๆ ด้วยตัวเองตามลำพังคนเดียว เพราะคิดว่าตัวเองไม่มีความสามารถที่จะทำได้ ดังนั้นเมื่อเห็นลูกทำอะไรชักช้าไม่ทันใจ อย่าตัดความรำคาญด้วยการรีบทำแทนลูกทันที หรือช่วยเหลือลูกทุกอย่างเพราะกลัวลูกจะลำบากนะคะ ต้องใจเย็น ๆ ปล่อยให้ลูกทำเองจะดีกว่า เก็บความอยากช่วยงานลูกไว้ก่อน ถ้าลูกจัดการงานนั้นได้เสร็จเรียบร้อย เป็นแม่เองที่อาจอยากจะช่วยทำแทนลูกน้อยลงเรื่อย ๆ ในอนาคตได้ค่ะ

 

10. พ่อแม่เป็นแบบอย่างที่ดี

          ถ้าอยากให้ลูกรู้จักพึ่งตัวเองได้ดี แต่พ่อแม่ไม่ค่อยได้ทำงานบ้านให้ลูกเห็น หรือถ้าทำก็จะมีเสียงบ่น หรือทำงานบ้านด้วยท่าทีเคร่งเครียด เหล่านี้ไม่ถือเป็นตัวอย่างที่ดีค่ะ พ่อแม่ควรเป็นตัวอย่างที่ดีในการทำงานบ้านอย่างเต็มใจและมีความสุข ต้องอดทน และหนักแน่นด้วย เพราะลูกจะไม่สามารถปฏิบัติเพียงครั้งเดียวแล้วทำได้เลย อย่าคาดหวังว่าลูกจะต้องทำได้ดีอย่างที่สอนทุกครั้ง พูดจาดี ๆ กับลูกให้ลูกเต็มใจทำการที่ลูกได้ช่วยเหลืองานบ้าน ก็นับเป็นแบบฝึกหัดที่ดี ทำให้ลูกเป็นคนมีน้ำใจรู้จักช่วยเหลือคนอื่นด้วยค่ะ



แหล่งที่มา   M&C แม่และเด็ก / กระปุกดอทคอม 
เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/anahortencia/