Thursday, September 8, 2016

13 เรื่องของเจ้าตัวเล็ก ที่อาจทำให้คุณอมยิ้มโดยไม่รู้ตัว




พัฒนาการเด็ก กับ 13 เรื่องของหนู ๆ ที่ทั้งซน ยุ่ง และวุ่นวาย แต่ก็แอบมีมุมน่ารักเล็ก ๆ ให้พ่อแม่ชื่นใจได้เหมือนกันนะ

          เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่หลายคนต้องประสบปัญหากับความซนของเจ้าตัวน้อยจนถึงกับ ต้องพึ่งยาดม แต่เด็กเป็นวัยอยากรู้อยากเห็นสิ่งใหม่ ๆ มีการพัฒนาในด้านร่างกาย สังคม และอารมณ์ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เราจะได้เห็นความพิเศษ (เอ๊ะ หรือความซน) ของเจ้าตัวเล็ก ซึ่งอาจจะทำให้เราขำและรู้สึกปวดหัวไปพร้อม ๆ กัน วันนี้กระปุกดอทคอมเลยขอนำ 13 เรื่องของเหล่าหนูน้อย ที่เชื่อว่าแทบจะทุกครอบครัวต้องเคยเจอกันมาก่อนมาฝากกันค่ะ ไหนมาดูสิว่าเจ้าตัวน้อยในบ้านทำเรื่องปวดหัวให้คุณไปแล้วกี่ข้อกันนะ ?

1. ช่วงเวลาของเด็กกับผู้ใหญ่มักไม่ตรงกัน สังเกตง่าย ๆ เวลาเราตื่นเจ้าตัวน้อยจะหลับ แต่ถ้าเราหลับ เจ้าตัวน้อยดันร้องจ้าเสียนี่

2. ความคิดของเด็กเป็นอะไรที่เราคาดไม่ถึง เพราะพวกเขายังขาดการเรียนรู้และประสบการณ์ ถ้าบรรดาหนู ๆ พูดอะไรแปลก ๆ ออกมาก็อย่าตกใจไปล่ะ

3. เด็ก ๆ มักจะเรียกร้องหาพ่อแม่ เพราะคุณคือโลกทั้งใบของพวกเขา

4. ไม่ต้องสงสัยถ้าเห็นน้องหนูนั่งหมกมุ่นอยู่กับอะไรบางอย่าง เด็ก ๆ มักจะทำซ้ำ ๆ และจมอยู่กับสิ่งที่ได้ยินเพื่อเรียนรู้สิ่งนั้น

5. หาเด็ก ๆ ไม่เจอ ? ไม่ใช่เรื่องยาก แค่ตามรอยของเล่นที่เจ้าตัวทิ้งเรี่ยราดไว้กลางทางสิ รับรองเจอแน่นอน

6. เด็ก ๆ พูดโกหกไม่เป็นนะจ๊ะ ไม่เชื่อลองถามสิว่ามีอะไรติดอยู่ใต้ตาหรือเปล่า เจ้าตัวน้อยก็จะตอบว่า ไม่มีนี่คะ เห็นแต่รอยคล้ำใต้ตาเป็นปื้นเลย

7. ทุกอย่างเป็นเรื่องตลกในสายตาเด็ก ๆ พวกเขาหัวเราะทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการผายลม ผู้หญิงที่ซื้อของในซุปเปอร์มาร์เกต หรือแม้กระทั่งข่าวก่อการร้ายในทีวีก็ตาม

8. เด็ก ๆ ต้องการความอบอุ่น ทั้งทางกายและจิตใจ พวกเขาอ่อนไหวง่าย

9. เจ้าตัวแสบไม่ชอบอาบน้ำ แต่อย่าให้ได้ลงสระเชียว พระอาทิตย์ตกแล้วก็ยังไม่ยอมขึ้นเลยล่ะ

10. หากได้เดินทางนั่งรถนาน ๆ หนูน้อยจะพูดเจื้อยแจ้วไม่หยุด บางทีถามโน่นถามนี่จนขี้เกียจจะตอบ แต่พอถึงที่หมายดันหลับปุ๋ย

11. ทำตัวน่ารักเรียบร้อยเมื่ออยู่ต่อหน้าปู่ย่าตายาย แหม ทีอยู่กับเรานี่ซนจนนึกว่าลูกลิง

12. อยากเป็นเชฟตัวน้อย โชว์ฝีมือในการทำอาหาร แต่หารู้ไม่ว่าพอเข้าไปในครัวแล้วสภาพเละยิ่งกว่าสงครามโลกครั้งที่สองซะอีก

13. เด็ก ๆ มักจะโกรธและอารมณ์เสียง่าย ผู้ปกครองควรพูดคุยถามหาสาเหตุด้วยความใจเย็น มันไม่ใช่อาการของโรคแต่อย่างใด ดังนั้นไม่ต้องพาไปหาหมอก็ได้นะคะ แค่พูดคุย ปรับอารมณ์ เดี๋ยวเจ้าตัวน้อยก็กลับมาร่าเริงเหมือนเดิมแล้วค่ะ

          ฮันแน่ อ่านแล้วยิ้มตามกันล่ะสิ คุ้น ๆ กันใช่ไหมคะ อย่าลืมว่าเด็ก ๆ ยังต้องเติบโตและเรียนรู้อะไรอีกมากมาย ตัวอย่างที่ดีที่สุดไม่ได้อยู่ในหนังสือ แต่คือสิ่งแวดล้อมรอบข้าง เพื่อหนูน้อยที่คุณเลี้ยงดูในวันนี้ พวกเขาจะได้โตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่สดใสในวันข้างหน้ากันนะคะ

ข้อมูลจาก : picklebums.com, healthline.com
เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/pin/294634000593483478/


No comments:

Post a Comment