Monday, June 29, 2015

5 วิธีเลือกสินค้าขายดี ไม่มีตกยุค



          5 ทริคเด็ดในการเลือกสินค้าให้โดดเด่นและโดนใจลูกค้า มีอะไรบ้าง และคนที่ค้าขายได้เป็นเทน้ำเทท่า เขามีวิธีการเลือกสินค้ามาขายอย่างไร ติดตามได้จาก 5 วิธีเลือกสินค้าขายดี ไม่มีตกยุค

          ยุคสมัยเปลี่ยนความนิยมก็เปลี่ยน วลีนี้ใช้ได้ดีกับสินค้าต่าง ๆ ที่มักจะเสื่อมความนิยมลงไปตามกาลเวลา แต่บรรดาพ่อค้าแม่ค้าทั้งหน้าใหม่หน้าเก่าอย่าเพิ่งตกอกตกใจไปว่าสินค้าของตัวเองจะตกยุคตกสมัยไปแล้วหรือเปล่า ลองมาดู 5 วิธีค้นหาสินค้าขายดีตลอดกาล ที่รับรองได้ว่าจะครองใจลูกค้าไปอีกนานแสนนานเลยล่ะ วันนี้กระปุกดอทคอมได้นำข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับ 5 วิธีการเลือกสิ่งของที่ว่ากันว่าขายดิบขายดีไปตลอดกาล จาก นิตยสาร SMEs ชี้ช่องรวย  โดยคุณวีรยุทธ เชื้อไทย มาฝาก

           การจะมีสินค้าที่ ขายดีตลอดกาลกลายเป็นเรื่องที่ทุกคนอยากได้ อยากเป็นเจ้าของสินค้าเหล่านั้น และนี่คือ 5 วิธีค้นหาสินค้าขายดีตลอดกาลในยุคดิจิตอล

1. สินค้าที่ โดดเด่น แปลกสะท้อนตัวตนของผู้ใช้

        สินค้าประเภทอวดได้ โชว์ได้ เช่น ขนตาติดรถยนต์ (อย่าเพิ่งขำนะครับ) เด่นสุด ๆ แปลกสุด ๆ ใครจะนึกว่าขายได้ ปรากฏว่าสินค้าตัวนี้ขายดีในกลุ่มรถยนต์ผู้หญิง นี่ไงครับที่เขาบอกว่า ผู้หญิงคือกลุ่มลูกค้าที่ไม่ต้องการเหตุผลในการตัดสินใจซื้อ

  
2. สินค้าที่ทำให้ คนรักมีความสุข

        เมื่อคนมีความรัก มีคนรัก เมื่อนั้นก็มีโอกาสขายของได้เช่นกัน สินค้าที่แทนความรักมักจะขายแบบไม่มีฤดูกาลครับ อะไรก็ตามที่ทำให้คนรักของเรามีความสุขนั่นคือ สินค้า และสินค้ากลุ่มนี้มักมีราคาแพงเสมอ เช่น ดอกกุหลาบในวันวาเลนไทน์ เครื่องประดับ ตุ๊กตา ของชำร่วยในการแต่งงาน บริการจัดงานแต่งงาน เป็นต้น เหล่านี้ล้วนทำราคาได้ดีและขายได้ตลอดกาล

  
3. สินค้าที่เกี่ยวข้องกับเรื่อง เพศ

        ไม่ได้บอกว่าให้ขายเซ็กส์ทอยนะครับ เพราะว่าผิดกฎหมาย แต่อยากจะบอกว่าสินค้าอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเพศ เรื่องเซ็กส์ ก็เป็นสินค้าขายดีอย่างไม่น่าเชื่อ เช่น เสื้อกล้ามทอมบอย ชุดชั้นในเซ็กซี่ อาหารเสริมสมรรถภาพท่านชาย ขนาดแอบขายกันลับ ๆ ก็ยังมีลูกค้าตามค้นหาจนเจอและสั่งซื้อได้ คิดดูสิว่าขายดีขนาดไหน

  
4. สินค้าที่เป็น งานอดิเรก

        มนุษย์มักมีความชอบส่วนตัวทุกคน และความชอบนั้นอาจสะท้อนออกมาเป็นงานอดิเรกรูปแบบต่าง ๆ ทั้งปลูกต้นไม้ เลี้ยงสุนัข เลี้ยงแมว สะสมคอลเลคชั่นต่าง ๆ กิจกรรมออกกำลังกาย ขี่จักรยาน เต้นแอโรบิก ทั้งหมดนั้นคือกลุ่มสินค้าที่มีลูกค้าเป้าหมายรออยู่

  
5. สินค้าที่เล่นกับ ปัญหาชีวิต

        คนเขาทุกข์ร้อนกันมากมายยังจะขายสินค้าได้อีกหรือ? ผมบอกเลยว่าในวิกฤตทุกวิกฤตมีโอกาสเสมอจำตอนที่กรุงเทพฯ น้ำท่วมได้ไหมครับ อะไรขายดีที่สุดในยามนั้น รองเท้าบูท ชุดเอี๊ยมกันน้ำ หรือความเจ็บป่วยของผู้คน อาจกลายมาเป็นสินค้าขายดีก็เป็นได้นะครับ เช่น หน้ากากอนามัย เมื่อยามไข้หวัดระบาด หรืออุปกรณ์กายภาพบำบัดต่าง ๆ ลองเปลี่ยนมุมมอง ฝึกมองให้เป็นโอกาส ฝึกมองให้เป็นสินค้า แล้วคุณจะพบว่าทุกวิกฤตมีโอกาสเสมอ



        ลองนำสุดยอด 5 วิธีเลือกสินค้าขายดีไม่มีตกยุคไปลองปรับใช้กันดู รับรองได้เลยว่าร้านของคุณจะมีแต่สินค้าที่ใคร ๆ ก็อยากซื้อหามาใช้ ทำไมน่ะหรือ เพราะ มันไม่เคยเอ้าท์เลย ยังไงล่ะ

โดย วีรยุทธ เชื้อไทย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ชี้ช่องรวย, http://money.kapook.com/view122259.html
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

Tuesday, June 23, 2015

เลี้ยงลูกแบบสุดยอดคุณแม่ ไม่ยากอย่างที่คิด




          การเลี้ยงลูกสำหรับคุณแม่มือใหม่ อาจจะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เชื่อเถอะว่าคุณแม่รับมือได้เพียงทำความเข้าใจกับลูก วันนี้กระปุกดอทคอมก็มีเกร็ดความรู้ดี ๆ มาฝากคุณแม่มือใหม่กับการเลี้ยงลูกให้เป็นสุดยอดคุณแม่ รวมทั้งการดูแลสุขภาพกายใจจากนิตยสาร Mother & Care พร้อมแล้วไปปฏิบัติกันเลย ...

          งานเลี้ยงลูก เรียกว่าเป็นงานที่มันไม่หยุด ยิ่งกับแม่มือใหม่ที่เริ่มภารกิจนี้ เราเชื่อว่า จะเกิดความสุข พร้อมกับความรู้สึกดี ๆ ที่มีต่อลูก ตัวคุณ และสามีไปพร้อม ๆ กันได้ น่าจะมาจากการตั้งรับให้เป็น แล้วแบบนี้จะรีรออะไร มาลงมือเป็นสุดยอดคุณแม่กันค่ะ

สุขภาพร่างกาย

          กายพร้อมใจก็พร้อมค่ะ ลองคิดดูสิ หากคุณต้องเจ็บ ๆ ป่วย ๆ เข้าออกกับการไปพบคุณหมอ เวลาดี ๆ ที่จะดูแลครอบครัว คงหายไปส่วนหนึ่ง ไม่สามารถทำภารกิจได้เต็มที่ อีกทั้งรายจ่ายก็ต้องหมดไปกับการดูแลรักษาสุขภาพ

เลือกอาหาร

          นอกจากคุณจะต้องยึดเกณฑ์เลือกอาหารที่มีประโยชน์จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรง สร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้ร่างกายได้ในระดับหนึ่งแล้ว อยากให้ส่งต่อเรื่องการดูแลสุขภาพของสมาชิกของครอบครัวด้วย เช่น

        
มื้อนมแม่ เรียกว่าเป็นช่วงเวลาอบอุ่นผูกพันของคุณกับลูกน้อยแล้ว การกินอาหารที่มีประโยชน์ ก็ยังเป็นการส่งต่อสารอาหารดี ๆ ผ่านนมแม่ถึงลูกน้อย ฉะนั้น อยากให้ลูกสุขภาพดี แม่ก็ต้องเลือกอาหารที่ดีไว้ก่อน

        
มื้ออาหารเสริมและอาหารวัยเรียน เป็นหัวข้อที่ต้องใส่ใจกันเลยทีเดียว เพราะด้วยพัฒนาการ การเจริญเติบโตของเด็กปฐมวัย อาหารจึงมีผลโดยตรงต่อการเติบโตและการเรียนรู้ของเด็กวัยนี้

        
มื้อเช้า ก็มีความสำคัญไม่น้อย ลองเตรียมเมนูสุขภาพมื้อเช้าในวันทำงานแบบง่าย ๆ เช่น แซนด์วิชปลาทูน่าสลัดผัก เอาใจคุณสามีบ้างสิคะ

ออกกำลังกาย

          เป็นวิธีที่ทำควบคู่กับการกิน และเรื่องนี้ก็ควรจัดให้เป็นส่วนหนึ่งในการดูแลตัวเองตั้งแต่ที่คุณตั้งครรภ์และหลังคลอดอย่างถาวร เช่น

ช่วงตั้งครรภ์

          วิธีของคุณแม่แต่ละคนอาจไม่เหมือนกัน แต่ขอให้ยึดหลักที่ว่า วิธีไหนที่ใช้แรงหักโหมมากควรเลี่ยง ควรเป็นวิธีที่คุณทำแล้วสบายใจ ทำได้สม่ำเสมอจะดีกว่า

หลังคลอด

          ร่างกายรับบทหนักมานาน การบริหารร่างกายช่วงนี้ จะช่วยให้กล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ได้ยืดขยาย ฟื้นฟูกลับสู่สภาพปกติ โดยเริ่มจากการยืดกล้ามเนื้อเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือแค่การเดินแกว่างแขน-ขา ก็โอเคแล้ว และหากเป็นไปได้การออกกำลังกายแบบครอบครัวก็เป็นกิจกรรมที่ดีที่น่าทำนะคะ

เวลาที่เหมาะสม

          กำลังบอกถึงวิธีบริหารจัดการเวลา การใช้ชีวิต และการทำหน้าที่ต่าง ๆ ของคุณในแบบสมดุล ไม่สุดโต่งเรื่องใดเรื่องหนึ่งก็เท่านั้นเอง

แม่เต็มเวลา

          คุณมีเวลาเต็มที่กับการจัดการเรื่องลูกไม่มีงานออฟฟิศนอกบ้านเข้ามาเกี่ยวอาจมี พี่เลี้ยงคอยช่วยงานในบ้าน ก็ควรจะหาเวลาพักให้กับตัวเองบ้าง จะได้ไม่เป็นการกดดันกับการทำหน้าที่คุณแม่ หรือทำเรื่องลูกจนเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า เครียด หรือเบื่อหน่ายเรื่องลูก เรื่องงานบ้าน กลายเป็นปัญหาบานปลายในครอบครัว

เวิร์กกิ้งมัม

          รู้ ๆ กันว่า หน้าที่คุณแม่เวิร์กกิ้งมัม คืองานที่ออฟฟิศ เรื่องลูก สามี และยังรวมถึงตัวคุณ ฉะนั้น สูตรการจัดสรรเวลาที่ดีก็คือ เรียงลำดับความสำคัญก่อนหลัง ให้ทั้ง 4 ช่วงของเวลาไม่ให้มากหรือน้อยเกินไป ทริกง่าย ๆ ก็คือใช้สติเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวตัวเราค่ะ

อีคิวที่ดี

          ข้อมูลทั้งจากตำราและความจริงพบว่า พฤติกรรมของพ่อแม่มีผลต่อการแสดงออกของลูก โดยเฉพาะเรื่องของอีคิว หรือที่เรียกว่าความฉลาดทางอารมณ์นั้น เป็นเรื่องที่ต้องปลูกฝัง บ่มเพาะตั้งแต่เล็ก เฉกเช่นเรื่องของระเบียบ วินัยของเด็ก ๆ เรามาดูกันว่า อะไรบ้างที่จะช่วยให้ลูกเป็นเด็กที่มีอีคิวดี

ความรัก-ความเข้าใจ

          เป็นอาหารทางใจที่ดี เพราะเป็นการแสดงถึงการยอมรับ ความเห็นอกเห็นใจ และให้ความสำคัญกับตัวเด็กในเรื่องต่าง ๆ เช่น การเรียนการแสดงออก การเล่น ต่างจากการตำหนิ บังคับ วิจารณ์หรือลงโทษ ซึ่งเป็นเรื่องที่พ่อแม่ต้องระวังเป็นอย่างมาก

          ให้ โอกาส พัฒนาการและการเติบโตของลูก เปลี่ยนแปลงไปตามวัย คุณจึงต้องเป็นนักสังเกต ที่คอยแนะนำและส่งเสริมตามความเหมาะสม เพื่อให้ลูกได้เรียนรู้การกระทำถูก-ผิด ความแตกต่างอย่างมีเหตุผล

ทางออกทางอารมณ์

          สอนให้ลูกรู้เรียนรู้เรื่องอารมณ์ของตัวเอง คนรอบข้าง พร้อมกับวิธีจัดการอารมณ์ที่เหมาะสม เช่น เวลาโกรธ เสียใจ ไม่พอใจ โดยเฉพาะพ่อแม่เองจะต้องรู้เท่าทันอารมณ์ตัวเอง ไม่ส่งต่ออารมณ์บูด ๆ ให้ลูก

          ข้อมูลเหล่านี้ น่าจะเป็นแนวทางให้คุณได้ลองคิดทบทวน แล้วก็เตรียมตัวเป็นสุดยอดคุณแม่คนต่อไปนะคะ


แหล่งที่มา   Mother & Care, http://baby.kapook.com
เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/pin/362047257514925292/

Monday, June 15, 2015

4 วิธีแก้ง่วง ไม่อยากหลับคาโต๊ะทำงาน ต้องอ่าน




บรรเทาความง่วงได้ด้วย 4 วิธีง่าย ๆ ที่คนนอนน้อยได้ยินแล้วต้องร้องว้าว

          การนอนหลับที่ไม่เพียงพอ นอกจากจะทำให้เรารู้สึกง่วงเหงาหาวนอนและไม่สดใสเวลาตื่นแล้ว ยังส่งผลกระทบถึงหลาย ๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน หรือประสิทธิภาพการทำงานของสมองก็ลดลงตามด้วย แต่สำหรับคนทำงานนั้น จะให้หาเวลานอนก็คงจะลำบาก จะให้งีบหลับตอนทำงานก็อาจจะดูไม่เหมาะเท่าไร เพราะอาจจะโดนมองไม่ดี ดังนั้นวันนี้กระปุกดอทคอมเลยนำวิธีการรักษาอาการง่วงเหงาหาวนอนจากการนอน น้อยจากเว็บไซต์ health.com มาฝากกัน ใครที่กำลังนั่งหาวเพราะความง่วง อยู่ละก็รีบล้างหน้าล้างตามาอ่านกันเลย

ดื่มน้ำให้เยอะ ๆ

          การดื่มน้ำนอกจากจะช่วยลดความกระหายน้ำแล้ว ยังช่วยกระตุ้นให้คุณรู้สึกสดชื้่นเหมือนเวลาเพิ่งอาบน้ำออกมาใหม่ ๆ ได้ด้วยล่ะค่ะ โดย Ann Austin ผู้เชี่ยวชาญการฝึกอบรมด้านการดูแลและสร้างเสริมสุขภาพใน St. Louis ผู้มีปัญหาเกี่ยวกับการงีบหลับกล่าวว่า เธอมีอาการวูบหลับกะทันหันในช่วงระหว่างวันและวิธีที่เธอใช้เพื่อช่วยให้ตัว เองตื่นตัวตลอดเวลาก็คือการดื่มน้ำ ดังนั้นถ้าใครรู้สึกง่วง ลองลุกขึ้นไปหาน้ำเย็น ๆ ดื่มกันนะคะ

ออกแดดให้มากขึ้น

          หลายคนที่มีการพักผ่อนไม่เพียงพอ ก็อาจจะมีสาเหตุมาจากการนอนหลับที่ผิดปกติ หรืออาการนอนไม่หลับ ซึ่งเป็นผลมาจากการที่นาฬิกาชีวิตทำงานผิดปกติทำให้ในเวลากลางคืนไม่สามารถ นอนได้ตามปกติ เพื่อเป็นการแก้ไขอาการนอนไม่หลับ อีกวิธีหนึ่งที่ช่วยได้ก็คือการออกไปกลางแจ้งค่ะ สงสัยกันใช่ไหมคะว่าทำไม นั่นก็เป็นเพราะว่าแสงแดดจะช่วยรีเซตนาฬิกาชีวิตของเราใหม่ นอกจากนี้แสงก็ยังมีส่วนสำคัญในการกระตุ้นเรารู้สึกตื่นตัวอีกด้วย และควบคุมอารมณ์ของเรา และลดอาการง่วงได้อีกด้วยค่ะ ดังนั้นถ้าหากคุณนั่งอยู่ใกล้หน้าต่างและปิดผ้าม่านไว้ ลองเปิดผ้าม่านรับแสงในช่วงเช้า หรือออกไปเดินเล่นข้างนอกสักครู่ ก็จะช่วยทำให้ลดอาการง่วงได้นะคะ


ลุกขึ้นเดินบ่อย ๆ

          เมื่อคนเรานอนไม่เพียงพอ การขยับตัวบ่อย ๆ ดูเหมือนจะเป็นสิ่งไม่อยากจะทำเลยใช่ไหมล่ะคะ แต่การขยับร่างกายบ่อย ๆ ขณะที่ง่วงอยู่นี่ล่ะค่ะจะช่วยทำให้เรารู้สึกง่วงน้อยลงได้ เพราะการที่เราขยับร่างกายบ่อย ๆ ก็เหมือนกับการกระตุ้นให้สมองทำงานอยู่ตลอดเวลา แถมยังช่วยเบี่ยงเบนความสนใจของตนเองจากความรู้สึกอยากนอนได้อีกด้วย ถึงจะต้องรู้สึกฝืนสักหน่อย แต่ก็ควรลุกเดินนะคะ อย่านั่งจนหลับคาโต๊ะทำงานเลย ไม่ดีหรอกเนอะ

จัดตารางเวลาให้ตัวเองใหม่

          ถ้าหากการนอนหลับไม่เพียงพอเป็นปัญหาใหญ่จนคุณไม่สามารถจะแก้ปัญหามันได้ ไม่ว่าจะไปพบแพทย์ทำการรักษาอย่างไร คุณก็ยังคงนอนไม่หลับ และทำให้รู้สึกง่วงตลอดเวลาอยู่ดี สิ่งสุดท้ายที่ควรจะทำคือการปรึกษากับหัวหน้างานเพื่อเปลี่ยนแปลงเวลางานให้ มีความเหมาะกับเวลานอน อย่างเช่น ถ้าหากคุณรู้ว่าตนเองไม่สามารถนอนหลับในเวลากลางคืนได้ ก็ลองเปลี่ยนมาทำงานกะกลางคืน ทำอย่างนี้นอกจากจะทำให้คุณสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพแล้ว ยังทำให้อาการง่วงหมดไปอีกด้วยค่ะ แต่วิธีนี้ถ้าปัญหาของคุณไม่หนักหนาจริง ๆ ก็อย่าทำเลยดีกว่าค่ะ

          การนอนหลับเป็นสิ่งที่สำคุณสำหรับมนุษย์ทุกคนนะคะ ดังนั้นจึงควรนอนหลับให้เพียงพอจะดีกว่า เพราะคงไม่มีอะไรจะช่วยทำให้เราตื่นตัวได้ตลอดเวลาหรอกค่ะ ต่อให้ดื่มกาแฟเยอะขนาดไหนก็คงไม่ช่วยให้ตื่นได้ถ้านอนไม่พอ แถมยังจะส่งผลเสียต่อร่างกายอีกด้วย ฉะนั้นถ้าใครเป็นคนชอบนอนดึกและต้องตื่นเช้า เปลี่ยนเวลานอนกันดีกว่าเนอะ จะได้ตื่นมาสดใส และทำงานได้ดีไงล่ะ



Saturday, June 13, 2015

ยาแก้ไข้เบบี๋ ควรใช้อย่างถูกวิธี




         เมื่อลูกน้อยมีไข้ การใช้ยาลดไข้ในเด็กเป็นสิ่งสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ควรรู้ วันนี้กระปุกดอทคอมมีเกร็ดความรู้ การใช้ยาลดไข้ในเด็กอย่างไรให้ถูกวิธี มาฝากกัน แล้วเมื่อไหร่ถึงต้องพึ่งยาลดไข้ เรามีคำตอบจากนิตยสาร Mother&Care เรื่องยาลดไข้มาฝากคุณพ่อคุณแม่กันค่ะ ^^

          อาการ ตัวร้อน เป็นสัญญาณเตือนว่าร่างกายกำลังต่อสู้กับเชื้อโรค ไม่ว่าจะเป็นเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย แล้วเมื่อลูกน้อยตัวร้อน สิ่งแรกที่พ่อแม่ต้องทำคือ การลดไข้ โดยปกติถ้าไข้ไม่สูงมากนักแนะนำให้ใช้วิธีเช็ดตัวและดื่มน้ำให้มากเพื่อลด ไข้ แต่ถ้าจำเป็นต้องใช้ยาก็ต้องทำด้วยความระมัดระวัง

เมื่อไหร่ถึงต้องพึ่งยาลดไข้

          ก่อนอื่นคุณพ่อคุณแม่ต้องรู้จักการวัดอุณหภูมิก่อนว่า ลูกน้อยมีอุณหภูมิเท่าไหร่ไม่ควรใช้แค่วิธีจับหน้าผากเท่านั้น

         วัดทางปาก มีอุณหภูมิมากกว่า 37.5°C

         วัดทางรักแร้มีอุณหภูมิมากกว่า 37°C

         ถ้าวัดไข้ด้วยปรอทวัดไข้แล้ว มีอุณหภูมิสูงกว่าตัวเลขที่กล่าว จะถือว่าร่างกายมีไข้ ถ้าใช้วิธีเช็ดตัวแล้วไข้ไม่ลดลง ค่อยพิจารณาการกินยาลดไข้ (ไข้สูงคือ มีไข้ตั้งแต่ 38.5 องศาเซลเซียสขึ้นไป)

         วัดทางทวารหนักมีอุณหภูมิมากกว่า 38°C

ยาลดไข้ใช้อย่างไร

          ยาลดไข้ที่นิยมใช้คือ พาราเซตามอล ยาจำพวกแอสไพริน และไอบรูโพเฟน (ยาลดไข้สูง) ห้ามใช้เองนอกจากคุณหมอสั่งเท่านั้น เพราะยาทุกชนิดมีผลต่อตับ โดยเฉพาะกับเด็กเล็ก ๆ และขนาดของยาที่ให้ลูกน้อยกิน ต้องขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัว สำหรับเด็กวัยเบบี๋ มักจะใช้ยาน้ำชนิดหยด ขนาด 5 ซี.ซี.ต่อน้ำหนักตัว 10 กิโลกรัม

ตัวร้อนแบบไหน ต้องรีบหาหมอ

         ในเด็กเล็กต้องระมัดระวังการใช้ยาให้มาก ถ้าลูกน้อยของคุณแม่อายุยังไม่ถึง 3 เดือน และลูกมีไข้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียส ให้รีบไปหาคุณหมอทันทีแม้ว่าลูกจะไม่ซึมก็ตาม และไม่ควรให้กินยาเอง

         ลูกอายุ 3-6 เดือน ถ้ามีไข้สูงกว่า 38.5 องศาเซลเซียส หรือมีไข้สูงกว่า 37.5 องศาเซลเซียสนานเกิน 24 ชั่วโมง ก็ห้ามรอช้าค่ะ

         ลูกอายุ 6 เดือนขึ้นไป มีไข้สูง 38.5 องศาเซลเซียสและไข้ไม่ลดมากกว่า 3 วัน

         แต่ถ้าไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ มีไข้สูงกว่า 39.5 องศาเซลเซียส ห้ามรอช้าเลยค่ะ ถึงแม้ลูกจะดูไม่มีอาการป่วยอย่างอื่นร่วมด้วยก็ตาม

          ในขณะที่ลูกมีไข้ ถ้าลูกยังเล่นได้ก็ไม่ต้องถึงกับห้ามไม่ให้เล่น แต่คอยปรามไม่ให้เล่นเยอะ คอยสังเกตอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น เจ็บคอ มีน้ำมูก มีผื่นตามตัวหรือไม่ และคอยวัดอุณหภูมิบ่อย ๆ นั่นเองค่ะ

          อายุ 6 เดือนขึ้นไป หากลูกน้อยของท่านมีอุณหภูมิประมาณ 38.5 องศาเซลเซียสให้ดูอาการ หากอุณหภูมิสูงขึ้นหรือไม่ลดมากกว่า 3 วัน ให้พาไปพบคุณหมอ สำหรับเด็กที่มีอายุ 3 เดือนถึง 2 ปี หากอุณหภูมิสูงกว่า 39.5 องศาเซลเซียส ให้พาไปพบคุณหมอทันทีแม้ว่าลูกน้อยยังไม่มีอาการป่วย

แหล่งที่มา  http://baby.kapook.com
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต