Saturday, February 28, 2015

7 ประโยชน์น่าทึ่งของกระเทียม กับเรื่องในบ้าน !



 
         ประโยชน์ของกระเทียมที่รู้แล้วอาจจะอึ้ง ใครจะเชื่อว่ากระเทียมจะทำประโยชน์ได้มากมายสารพัด อ่านจบแล้วไปหาซื้อมาไว้ติดบ้านกันด่วนเลย !!

          กระเทียม นอกจากจะเป็นสิ่งประกอบอาหารที่แทบทุกอย่างต้องใส่แล้ว เชื่อไหมว่ากระเทียมทำอะไรเจ๋ง ๆ กว่านั้นก็ได้ด้วยนะ เพราะสามารถนำมาใช้ได้ทั้งกับงานในบ้าน นอกบ้าน และแม้กระทั่งใช้กับร่างกาย ก็มีประโยชน์มากมายจนคาดไม่ถึง วันนี้กระปุกดอทคอมจะมากระซิบบอกกันดัง ๆ ว่า ประโยชน์ของกระเทียม มีให้ทึ่งกันตั้ง 20 อย่างดังนี้ รู้แล้วก็อยากลืมมีกระเทียมติดบ้านกันไว้นะจ๊ะ

กำจัดศัตรูพืชจอมก่อกวน

          แมลงจอมก่อกวนทั้งหลายอาจทำลายสวนที่คุณรักได้ ดังนั้นให้กำจัดแมลงกวนใจเหล่านี้ด้วยสเปรย์กระเทียมสูตรทำเอง ด้วยการสับกระเทียม 3 กลีบให้ละเอียด และผสมเข้ากับน้ำมันแร่แล้วทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง จากนั้นนำเศษกระเทียมออกแล้วเติมน้ำมันพร้อมกับน้ำยาล้างจานอีก 2 ช้อนชา แล้วเทใส่ขวดสเปรย์ที่บรรจุน้ำเปล่า ก่อนจะนำไปฉีดพ่นบนพืชเพื่อป้องกันแมลง

ใช้เป็นยากันยุง

          สูตรนี้เหมาะกับคนที่ไม่มีปัญหากับกลิ่นกระเทียม โดยใช้กระเทียมสับเล็กน้อยผสมกับน้ำมันแร่ทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง จากนั้นใส่น้ำมันหอมระเหยกลิ่นกระเทียม ลงผสมในน้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง และน้ำมะนาว 1 ช้อนชา ก่อนจะเทลงในขวดเสปรย์ใช้ฉีดไล่ยุงแบบปลอดภัยไร้สารพิษ

 
ใช้ซ่อมแซมกระจก

          รู้หรือไม่ว่ากระเทียมมีฤทธิ์เป็นกาวธรรมชาติ โดยให้นำกระเทียมมาทุบให้แตก จากนั้นนำน้ำเหนียว ๆ ของมันไปถูบนรอยร้าวของแก้วหรือกระจก เพื่อให้น้ำกระเทียมซึมเข้าไปในรอยร้าวก่อนจะเช็ดส่วนเกินออกด้วยด้วยผ้า สะอาด

กำจัดเสี้ยนตำ

          เสี้ยนที่ตำเข้าไปในผิวหนังอาจจะสร้างความเจ็บปวดรวมถึงเอาออกได้ยากหากเสี้ยนตำในผิวจมลึกเกินไป แต่แทนที่จะรอให้มันหลุดออกมาเอง ลองใช้วิธีง่าย ๆ ด้วยการนำกระเทียมที่ฝานบาง ๆ มาวางไว้บนเสี้ยนที่อยู่บนผิวหนัง จากนั้นกดเบา ๆ ด้วยผ้าพันแผล กระเทียมจะช่วยให้เสี้ยนหลุดออกมาได้ภายใน 1 ชั่วโมง

ใช้เป็นเหยื่อล่อปลา

          กระเทียม อาจมีกลิ่นรุนแรงแบบที่แมลงไม่ชอบ แต่กับปลานั้นให้ผลตรงกันข้าม เพราะนักตกปลาบางคนแนะนำให้ใช้กระเทียมเพื่อดึงดูดปลาบางสายพันธุ์ เช่น ปลาดุก ปลาคาร์พ ปลาเทราท์  โดยให้ทำเหยื่อล่อปลาด้วยการผสมขนมปังแครกเกอร์เข้ากับอาหารแมว แล้วเคลือบด้วยผงกระเทียม เพื่อใช้กลิ่นเป็นตัวล่อให้ปลามาติดเบ็ดนั่นเอง

สลายการจับตัวของน้ำแข็ง

          อยากให้น้ำแข็งละลายเร็ว ๆ รู้ไหมว่ากระเทียมช่วยได้นะ แค่หั่นหรือสับกระเทียมแล้วเอาไปวางบนน้ำแข็งที่ต้องการให้ละลาย แค่นี้กระเทียมก็ออกฤทธิ์จนน้ำแข็งยอมจำนน และสลายร่างไปเองแล้ว

 
รักษาโรคน้ำกัดเท้า

          ใครเกิดเป็นโรคน้ำกัดเท้าขึ้นมา รู้ไหมว่ากระเทียมมีฤทธิ์ต้านเชื้อราโดยธรรมชาติ จึงช่วยให้รักษาโรคเชื้อราหรือน้ำกัดเท้าได้ดี โดยให้ทุบกระเทียม 2-3 กลีบ แล้วใส่ลงในน้ำอุ่น และแช่เท้าลงไปเป็นเวลา 30 นาที เพื่อรักษาอาการดังกล่าว

          ประโยชน์เยอะขนาดนี้ ต้องมีติดบ้านไว้เป็นประจำแล้วล่ะ เพราะทั้งอร่อยและดีต่อสุขภาพ คราวนี้อย่าลืมหากระเทียมมาปลูกไว้ติดบ้านกันหน่อย คงจะดีไม่น้อยเลยนะคะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก ecosalonecosalon, http://home.kapook.com/view113293.html
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

Thursday, February 12, 2015

9 อาหารสีแดงสุดสดใส ลิ้มลองสักนิด ประโยชน์เพียบ



     
          สีแดงเป็นสีแห่งความรัก ถ้าใครรักสุขภาพ และอยากมีสุขภาพแข็งแรง ต้องห้ามพลาดอาหารสีแดงน่าเลิฟเหล่านี้เลยนะ

          สีสันของอาหาร เป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้อาหารแต่ละอย่างนั้นน่ารับประทาน แต่สีของอาหารนั้นไม่ได้มีแค่ประโยชน์ในเรื่องของความสวยงามเท่านั้น แต่ยังแฝงไปด้วยคุณประโยชน์ที่ธรรมชาติ­รังสรรค์มาให้อีกด้วยล่ะค่ะ อย่างเช่นอาหารสีแดงที่นอกจากจะดูสดใสดึงดูดให้ใครต่อใครอดใจที่จะลิ้มลอง อาหารสีแดงไม่ได้แล้วนั้น ยังมีคุณค่าทางอาหารและประโยชน์ดี ๆ ที่ช่วยบำรุงให้สุขภาพหัวใจแข็งแรงอีกด้วย

          เริ่มสนใจกันแล้วใช่ไหมล่ะ วันนี้กระปุกดอทคอมเลยนำตัวอย่างของอาหารสีแดงที่เปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางอาหารเพื่อสุขภาพมาฝากกันค่ะ ถ้าหากคุณเป็นคนที่รักสุขภาพละก็ คุณจะต้องรักอาหารสีแดงเหล่านี้อย่างแน่นอนเลย คอนเฟิร์ม !

          ก่อนที่เราจะไปทำความรู้จักกับอาหารสีแดง เรามาดูกันก่อนสิว่าสีแดงในอาหารนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร สีแดงที่อยู่ในพืชผักและผลไม้นั้น เกิดจากสารไลโคปีน (lycopene) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดการถูกทำลายของสารพันธุกรรมและโปรตีนในร่างกายได้ โดยไลโคปีนสามารถจับกับเส้นใยได้ดี และจะออกฤทธิ์ได้ดีถ้าถูกปลดปล่อยจากเส้นใยโดยใช้ความร้อน สามารถละลายได้ในไขมัน และช่วยป้องกันผิวหนังจากรังสีอัลตราไวโอเลตได้ดีกว่าเบต้า-แคโรทีน นอกจากนี้ยังลดปริมาณคอเลสเตอรอลชนิดที่ไม่ดีในเลือดได้อีกด้วย


          ทั้งนี้ยังมีรายงานวิจัยจากต่างประเทศพบว่าการรับประทานมะเขื­อเทศ ซึ่งมีไลโคปีนสูง ยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมากได้อีกด้วย และนอกจากสารไลโคปีนแล้ว อาหารสีแดงบางชนิดยังมีสารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ซึ่งมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ และช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิดที่ไม่ดี รวมทั้งช่วยเพิ่มความสามารถในการมองเห็นและชะลอการเสื่อมของดวง­ตาได้อีกด้วยล่ะ

           เห็นประโยชน์ของอาหารสีแดงแล้ว จะรอช้าอยู่ทำไม รีบสอดส่องมองหาอาหารสีแดงที่แฝงไปด้วยประโยชน์ตามนี้เลย

เชอร์รี

          ถ้าพูดถึงผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก ๆ จะไม่พูดถึงเชอร์รีก็คงจะไม่ได้ เพราะนอกจากจะมีสารแอนโทไซยานินซึ่งทางการแพทย์เชื่อว่าสามารถช่วยรักษาอาการบาดเจ็บและการอักเสบได้แล้ว ก็ยังช่วยรักษาโรคได้อีกมากมายมหาศาล อาทิเช่น โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง และโรคเก๊าต์ นอกจากนี้เชอร์รียังมีไฟเบอร์ โพแทสเซียมและวิตามินเอสูง ใครชอบผลไม้เชอร์รีเป็นตัวเลือกที่ห้ามมองข้ามเลยเด็ดขาด


สตรอว์เบอร์รี

          ผลไม้ผลสีแดง ๆ ที่หลาย ๆ คนชื่นชอบอย่างสตรอว์เบอร์รี นอกจากจะมีสารแอนโทไซยานินที่ดีต่อร่างกายแล้ว ก็ยังมีวิตามินซีและแมงกานีสสูง แถมยังมีไฟเบอร์ ไอโดดีน และโพแทสเซียม โฟเลต วิตามินเค และแมงกานีสอีกด้วย สารต้านอนุมูลอิสระในสตรอว์เบอร์รีสามารถช่วยป้องกันโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจและมะเร็ง รวมทั้งชะลอการริ้วรอยแห่งวัยได้ ที่สำคัญ ยังเป็นผลไม้ที่แคลอรีต่ำ ใครที่กำลังควบคุมก็สามารถทานได้เลยไม่ต้องกลัวอ้วนค่ะ


แอปเปิล

          แอปเปิลเป็นผลไม้ที่เรามักนิยมนำมารับประทานเพื่อช่วยในการควบคุมน้ำหนัก เพราะมีไฟเบอร์สูง แถมยังมีวิตามินซี และวิตามินบี รวมทั้งโพแทสเซียมที่สำคัญต่อร่างกาย วิตามินซีเป็นแร่ธาตุที่ช่วยบำรุงและดูแลหลอดเลือดหัวใจ ช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็กและป้องกันไม่ให้เซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายถูกทำลาย นอกจากนี้ยังช่วยดูแลระบบย่อยอาหารไม่ให้เกิดอาการท้องผูก


ทับทิม

          ทับทิมถือเป็นผลไม้สีแดงอีกชนิดที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมาก มีการศึกษาหนึ่งพบว่า ทับทิมเป็นผลไม้ที่สามารถช่วยลดการก่อตัวของคราบพลัคในหลอดเลือดแดงและลดความดันโลหิตได้ นอกจากนี้ยังมีผลวิจัยอื่น ๆ อีกมากมายที่เปิดเผยว่าน้ำทับทิมสามารถช่วยจัดการกับโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก โรคเบาหวาน โรคไขข้อ และภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศได้


มะเขือเทศ

          มะเขือเทศสีแดง นอกจากจะมีไลโคปีนแล้วก็ยังอุดมไปด้วยแร่ธาตุและวิตามินอื่น ๆ อีกเพียบเลยล่ะ ไม่ว่าจะเป็นวิตามินซีที่มีอยู่ในปริมาณสูง วิตามินเอ โพแทสเซียม และไฟเบอร์ในปริมาณที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยชะลอริ้วรอยแห่งวัย และช่วยต้านการเกิดมะเร็ง รวมทั้งโรคหัวใจอีกด้วย โอ้โห ประโยชน์เพียบขนาดนี้ ใครที่ไม่ชอบมะเขือเทศบอกเลยว่าต้องรีบเปลี่ยนใจได้แล้วนะ ไม่อยากพลาดของดีต้องรีบหามะเขือเทศมาทานด่วน ๆ เลย


พริกหวาน

          พริกหวาน ผักที่มีสีสันสดใสชนิดนี้ ขอบอกเลยค่ะว่าไม่ว่าสีไหนก็มีประโยชน์ทั้งนั้นเลย โดยเฉพาะสีแดงที่มีสารไลโคปีนที่ช่วยลดความเสี่ยงโรคมะเร็งต่อมลูกหมากในเพศชายได้ถึง 35 % แถมมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดโอกาสการเกิดคราบพลัคในหลอดเลือดหัวใจซึ่ง เป็นสาเหตุของโรคที่เกี่ยวของกับหลอดเลือดหัวใจอีกด้วย วิธีนำไปทำอาหารก็ไม่ยาก แค่เพียงนำพริกหวานไปปรุงกับน้ำมันมะกอกก็จะทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมเอาสารไลโคปีนไปใช้ได้มากขึ้นแล้วค่ะ


แตงโม

          ถ้าว่ากันถึงอาหารสีแดง มองข้ามแตงโมคงไม่ได้แน่ เพราะแตงโมนั้นเป็นผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูงมาก และยังมีวิตามินเอ วิตามินซีและโพแทสเซียมสูงอีกด้วย โดยมีการศึกษาพบว่าแตงโมเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์แทบจะทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็นเนื้อ เมล็ด หรือแม้แต่เปลือก น้ำแตงโมก็ใช่ย่อย ประโยชน์ของน้ำแตงโมนั้นช่วยทั้งบำรุงสุขภาพและบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งอยู่เสมอ นอกจากนั้นก็ยังมีประโยชน์จากไลโคปีนที่ช่วยป้องกันและต่อสู้กับเซลล์มะเร็งอีกด้วย ที่สำคัญแตงโมยังเป็นผลไม้ที่ช่วยดับร้อนดับกระหายได้ดีเชียวล่ะ


กระเจี๊ยบแดง

          กระเจี๊ยบมีฤทธิ์ในการขับปัสสาวะและลดความดันโลหิต กระเจี๊ยบสดจะมีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่ากระเจี๊ยบแห้ง มีการศึกษาหนึ่งซึ่งทำการศึกษากับหนูพบว่า หนูที่ได้กินน้ำคั้น­ดอกกระเจี๊ยบทั้งสดและแห้งมีอัตราการทำงานของเอนไซม์ ที่กำจัดสารพิษในตับมากกว่าอีกกลุ่มที่ไม่ได้รับน้ำดอกกระเจี๊ยบ และยังพบอีกว่า หนูกลุ่มที่ไม่ได้กินกระเจี๊ยบนั้นมีเซลล์ผิดปกติในลำไส้ใหญ่ซึ่งเป็นเซลล์ก่อมะเร็­งต่ำกว่าหนูกลุ่มที่ไม่ได้กินกระเจี๊ยบอีกด้วย


ไวน์แดง

          ปิดท้ายกันด้วยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากธรรมชาติที่ดีต่อสุขภาพ อย่างไวน์แดงซึ่งเราคงจะได้ยินกันมานักต่อนักว่าไวน์แดงนั้นดีต่อสุขภาพ ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะว่าในไวน์แดงมีสารเรสเวอราทรอล (Resvertrol) ซึ่งมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระช่วยต่อต้านสารอนุมูลอิสระและบรรเทาอาการอักเสบได้อีกด้วย แต่ก็อย่าดื่มมากจนเกินไปนะ เพราะอาจจะทำให้ได้โทษจากแอลกอฮอล์แทนจะได้ประโยชน์ค่ะ โดยปริมาณที่แนะนำต่อวันก็คือผู้ชาย ไม่ควรดื่มเกินวันละ 300 มิลลิลิตรต่อวัน และผู้หญิงไม่ควรเกิน 150 มิลลิลิตรต่อวันค่ะ

 
          เห็นประโยชน์ดี ๆ แบบนี้แล้วก็อย่าลืมมองหาพืชผักและผลไม้ที่มีสีแดงเหล่านี้มารับประทานกันนะ คะ หากรับประทานอาหารเหล่านี้ได้เป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ ก็ไม่ต้องไปหาซื้ออาหารเสริมใด ๆ มารับประทานแล้วล่ะค่ะ เพราะยังไงอาหารที่มาจากธรรมชาติก็ดีที่สุด


ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
cr. pic.  http://blog.daum.net/jinin108/12