แต่เดิมหมอมักจะแนะนำให้คนสูงอายุหลีกเลี่ยงการกินไข่
เพราะว่ามีโคเลสเตอรอลสูง แต่ความจริงไข่มีสารอาหารชนิดอื่นๆ ที่มีประโยชน์สูงอีกมากมาย
นักโภชนาการแนะว่าควรหลีกเลี่ยงโคเลสเตอรอลจากอาหารประเภทอื่นดีกว่า
แล้วกลับมากินไข่แทน โดยผู้สูงอายุกินสัปดาห์ละ 2-3 ฟอง นอกจากไข่จะบำรุงสายตาแล้ว
ยังบำรุงสมองในเรื่องความจำด้วย
รับประทานทานไข่ให้ได้ประโยชน์...ต้มดีที่สุดและต้องสุกด้วย และควรรับประทานทั้งไข่แดงและไข่ขาวครับ
นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผอ. สถาบันเวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติอธิบายว่า ในไข่ 1 ฟอง ไข่แดงจะเป็นก้อนไขมัน ไม่มีโปรตีน แต่กลับกันไข่ขาวจะไม่มีไขมัน มีแต่โปรตีนอย่างเดียว ไข่...ไม่ว่าเบอร์เล็กหรือเบอร์ใหญ่ เบอร์ 0-4 สิ่งที่เหมือนกันคือ ไข่แดงมีขนาดเดียวกันหมด แต่ที่ต่างกัน คือไข่ขาวนะค่ะ
โทษของไข่ดิบ
มีคนเข้าใจว่ากินไข่ดิบวันละฟองในตอนเช้าจะดี ความจริงแล้ว การกินไข่ดิบทำให้ร่างกายได้รับธาตุบำรุงจากไข่เพียงครึ่งเดียว ในไข่ดิบมีโปรตีนที่เป็นปฏิชีวนะอยู่ ถ้าเรากินไข่ดิบบ่อยๆ โปรตีนชนิดปฏิชีวนะที่สะสมอยู่ในร่างกายจะขัดขวางไม่ให้ร่างกายได้รับ วิตามิน B1
นอกจากนั้น ถ้าไก่เป็นโรค ไข่จะรับเชื้อติดมาด้วย จึงทำให้ผู้กินไข่ดิบติดโรคได้ จึงควรกินไข่ที่สุก เพื่อร่างกายจะได้รับสารอาหารได้ครบถ้วน ดังนั้น จึงไม่ควรกินไข่ดิบหรือไข่ครึ่งสุกครึ่งดิบ
ส่วนในการทอดไข่ดาวนั้น ไม่ควรทอดด้านเดียว ควรพลิกทอดทั้ง 2 ด้าน
เพื่อฆ่าเชื้อโรค ไข่ที่ปรุงสุกๆ ดิบๆ เช่น ไข่ดาว ไข่ลวก ถ้าไข่แดงเป็นยางมะตูม อาจจะไม่ค่อยมีปัญหาเท่ากับ
กินไข่ขาวที่เป็นยางใสๆ เพราะไข่ขาวจะย่อยยาก เนื่องจากไข่ขาวดิบทั้งหมดเป็น
" อัลบูลมิน " ถ้าไม่สุกจะทำให้มีปัญหา เรื่องลำไส้ไม่ค่อยย่อย ยิ่งถ้าเป็นคนแก่จะไม่มีน้ำย่อยมาย่อย "อัลบูลมิน"
นอกจากนี้การกินแต่ไข่ขาวเพียงอย่างเดียว เพราะกลัวไข่แดงมีคอเลสเตอรอลสูง จะทำให้โปรตีนในไข่ขาวตัวหนึ่งที่ชื่อ " อะวิดิน " ไปจับเกาะกับ " ไบโอติน " ในร่างกายให้เสียของ ซึ่ง " ไบโอติน " เป็นวิตามินที่มีความจำเป็นต่อเส้นผมและสุขภาพของผิวหนัง
ดังนั้น การกินแต่ไข่ขาวอย่างเดียว ร่างกายจึงไม่ได้ " ไบโอติน " ที่มีอยู่ในไข่แดงมาเสริม แถมที่มีอยู่อย่างร่อยหรอในร่างกายก็ยังโดน " อะวิดิน " จับเกาะหมดไปๆ เรื่อยๆ
สรุป ต้องกินทั้ง ไข่ขาวและไข่แดง ด้วยการปรุงสุกเท่านั้น จะเป็นไข่ไก่ หรือไข่เป็ดก็ได้ ถ้าจะให้ดี ควรต้มกินดีที่สุด เพราะถ้าทอดหรือเจียว เรามักจะทอดกับน้ำมันพืช ซึ่งมีโอเมก้า 6 จะยิ่งไปต้านโอเมก้า 3 ในไข่ ให้ด้อยคุณค่าไปอีกค่ะ
ขอบคุณที่มา : อาหารเพื่อสุขภาพ, https://blog.eduzones.com/benzyeduzones/136614
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
No comments:
Post a Comment