อาการท้องอืด
และรู้สึกแน่นท้องเวลากินอาหาร เป็นอาการที่เกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติ และสอดคล้องกับสรีระของคุณแม่ท้องที่เปลี่ยนไปค่ะ
ซึ่งเกิดขึ้นได้ทุกช่วงอายุครรภ์ และหากท้องใหญ่มากขึ้น มดลูกมีการเบียดทับลำไส้มากขึ้น
ก็จะยิ่งทำให้รู้สึกอึดอัด หรือท้องอืดมากขึ้นได้
วิธีการกินให้สบายหลังอาหารในเบื้องต้นสามารถทำได้ง่าย ๆ ดังนี้ค่ะ
1. กินอาหารย่อยง่าย & ปริมาณน้อยลง ช่วง ตั้งครรภ์คุณแม่ท้องควรกินให้น้อยลง แต่บ่อยมื้อมากขึ้น หรือมีอาหารว่างระหว่างมื้อ เพื่อช่วยให้พอถึงมื้อหลักก็จะรู้สึกอยากกินน้อยลงค่ะ
เวลากินควรตักข้าวทีละน้อย ๆ พยายาม อย่ากินข้าวคำ น้ำคำ และควรเลือกอาหารที่เป็นน้ำ ๆ รสไม่จัดมาก ก็จะช่วยให้ย่อยง่ายได้ เช่น ก๋วยเตี๋ยว โจ๊ก ข้าวต้ม แกงจืด เป็นต้น
ที่สำคัญไม่ควรละเลยที่จะกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ด้วยนะคะ โดยเฉพาะช่วงไตรมาส ที่ 2-3 ควรกินแป้งและไขมันน้อยลง และเน้นอาหารประเภทโปรตีนและผลไม้แทน ก็จะช่วย ให้ปัญหาแน่นท้องลดน้อยลงไค้
2. นั่งยืดตัวตรงเวลากิน เวลากินอาหารทุกครั้งคุณแม่ท้อง ควรนั่งยืดตัวตรง หรือเอนหลังเล็กน้อยกับเก้าอี้ที่มีพนักพิงนิ่ม ๆ นะคะ เพราะการนั่งกินกับพื้นจะยิ่งทำให้รู้สึกอึดอัด หรือแน่นท้องได้ง่ายขึ้น
หากคุณแม่กินแล้วรู้สึกว่าแน่นหรืออืดท้อง แต่ยังไม่อิ่ม หรือกินไปได้นิดเดียว ให้ลองลุกเดินไปมาสักพักแล้วค่อยกลับมากินใหม่ ก็จะช่วยให้กินได้มากขึ้น และรู้สึกอิ่มแบบไม่อึดอัดท้องค่ะ
3. เคี้ยวช้า ๆ สบายท้อง การเคี้ยวข้าวก็สำคัญไม่แพ้ท่านั่งค่ะ เพราะการควรเคี้ยวช้า ๆ จะช่วยลดการทำงานของกระเพาะอาหาร ในการย่อย
คุณแม่ท้องจึงต้องเคี้ยวข้าวให้ละเอียดที่สุด พยายามเคี้ยวช้า ๆ ค่อย ๆ กลืน ก็ช่วยให้กระเพาะย่อยได้เร็วและง่ายมากขึ้น ซึ่งนอกจากจะลดอาการจุกเสียด และแน่นท้องหลังอาหารได้แล้ว การเคี้ยวข้าวให้ละเอียดยังช่วยในเรื่องของการดูดซึมสารอาหารเข้าสู่ร่างกาย ได้ดีอีกด้วยค่ะ
4. บรรยากาศดี ผ่อนคลายสบายท้อง เรื่องของบรรยากาศ ช่วยให้เรากินอาหารไค้อร่อยและรู้สึกรื่นรมย์ไค้ค่ะ หากคุณแม่ท้องเลือกนั่งกินข้าวในที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์ ปลอดโปร่ง จะเป็นที่บ้าน หรือนอกบ้านก็ได้ค่ะ
ที่สำคัญจะต้องปราศจากกลิ่นไม่พึงประสงค์ หรือกลิ่นกับข้าวที่เพิ่งทำเสร็จลอยฟุ้งไปมา รับรองค่ะว่าคุณแม่จะเจริญอาหาร และมีความสุขกับการกินเพื่อลูกน้อยในท้องมากขึ้นเป็นกองเลยล่ะ
5. กินยาลดกรดและขับลม สำหรับคุณแม่ท้องที่กินไม่ได้เลย อาจต้องปรึกษาคุณหมอค่ะ เพื่อให้คุณหมอช่วยเรื่องยา เช่น กินยาลดกรด หรือยาขับลม
ส่วนคุณแม่ที่มีโรคประจำตัวอื่น ๆ เช่น เคยเป็นโรคกรดไหลย้อนอยู่แล้ว ช่วงตั้งครรภ์อาจเกิดกรดไหลย้อนมากขึ้นได้ จึงต้องดูแลการใช้ยาอย่างเคร่งครัด ซึ่งยาในปัจจุบันที่รักษาเรื่องของกรดไหลย้อน จะไม่ค่อยดูดซึมไปสู่กระเพาะมากนัก จึงปลอดภัยกับคุณแม่และลูกน้อยในท้องค่ะ
หากคุณแม่ทำตามวิธีที่แนะนำทุกอย่างแล้ว แต่ยังมีอาการแน่นท้องอยู่บ้าง ก็ให้ทำใจให้สบาย ไม่ต้องไปเครียดกับอาการที่เป็นมากค่ะ เพราะช่วงท้องเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่คุณแม่ท้องจะต้องเผชิญอยู่แล้วตาม ธรรมชาติ ซึ่งเมื่อผ่านพ้นไปถึงช่วงหลังคลอดก็จะกลับมาเป็นปกติไค้ค่ะ
วิธีการกินให้สบายหลังอาหารในเบื้องต้นสามารถทำได้ง่าย ๆ ดังนี้ค่ะ
1. กินอาหารย่อยง่าย & ปริมาณน้อยลง ช่วง ตั้งครรภ์คุณแม่ท้องควรกินให้น้อยลง แต่บ่อยมื้อมากขึ้น หรือมีอาหารว่างระหว่างมื้อ เพื่อช่วยให้พอถึงมื้อหลักก็จะรู้สึกอยากกินน้อยลงค่ะ
เวลากินควรตักข้าวทีละน้อย ๆ พยายาม อย่ากินข้าวคำ น้ำคำ และควรเลือกอาหารที่เป็นน้ำ ๆ รสไม่จัดมาก ก็จะช่วยให้ย่อยง่ายได้ เช่น ก๋วยเตี๋ยว โจ๊ก ข้าวต้ม แกงจืด เป็นต้น
ที่สำคัญไม่ควรละเลยที่จะกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ด้วยนะคะ โดยเฉพาะช่วงไตรมาส ที่ 2-3 ควรกินแป้งและไขมันน้อยลง และเน้นอาหารประเภทโปรตีนและผลไม้แทน ก็จะช่วย ให้ปัญหาแน่นท้องลดน้อยลงไค้
2. นั่งยืดตัวตรงเวลากิน เวลากินอาหารทุกครั้งคุณแม่ท้อง ควรนั่งยืดตัวตรง หรือเอนหลังเล็กน้อยกับเก้าอี้ที่มีพนักพิงนิ่ม ๆ นะคะ เพราะการนั่งกินกับพื้นจะยิ่งทำให้รู้สึกอึดอัด หรือแน่นท้องได้ง่ายขึ้น
หากคุณแม่กินแล้วรู้สึกว่าแน่นหรืออืดท้อง แต่ยังไม่อิ่ม หรือกินไปได้นิดเดียว ให้ลองลุกเดินไปมาสักพักแล้วค่อยกลับมากินใหม่ ก็จะช่วยให้กินได้มากขึ้น และรู้สึกอิ่มแบบไม่อึดอัดท้องค่ะ
3. เคี้ยวช้า ๆ สบายท้อง การเคี้ยวข้าวก็สำคัญไม่แพ้ท่านั่งค่ะ เพราะการควรเคี้ยวช้า ๆ จะช่วยลดการทำงานของกระเพาะอาหาร ในการย่อย
คุณแม่ท้องจึงต้องเคี้ยวข้าวให้ละเอียดที่สุด พยายามเคี้ยวช้า ๆ ค่อย ๆ กลืน ก็ช่วยให้กระเพาะย่อยได้เร็วและง่ายมากขึ้น ซึ่งนอกจากจะลดอาการจุกเสียด และแน่นท้องหลังอาหารได้แล้ว การเคี้ยวข้าวให้ละเอียดยังช่วยในเรื่องของการดูดซึมสารอาหารเข้าสู่ร่างกาย ได้ดีอีกด้วยค่ะ
4. บรรยากาศดี ผ่อนคลายสบายท้อง เรื่องของบรรยากาศ ช่วยให้เรากินอาหารไค้อร่อยและรู้สึกรื่นรมย์ไค้ค่ะ หากคุณแม่ท้องเลือกนั่งกินข้าวในที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์ ปลอดโปร่ง จะเป็นที่บ้าน หรือนอกบ้านก็ได้ค่ะ
ที่สำคัญจะต้องปราศจากกลิ่นไม่พึงประสงค์ หรือกลิ่นกับข้าวที่เพิ่งทำเสร็จลอยฟุ้งไปมา รับรองค่ะว่าคุณแม่จะเจริญอาหาร และมีความสุขกับการกินเพื่อลูกน้อยในท้องมากขึ้นเป็นกองเลยล่ะ
5. กินยาลดกรดและขับลม สำหรับคุณแม่ท้องที่กินไม่ได้เลย อาจต้องปรึกษาคุณหมอค่ะ เพื่อให้คุณหมอช่วยเรื่องยา เช่น กินยาลดกรด หรือยาขับลม
ส่วนคุณแม่ที่มีโรคประจำตัวอื่น ๆ เช่น เคยเป็นโรคกรดไหลย้อนอยู่แล้ว ช่วงตั้งครรภ์อาจเกิดกรดไหลย้อนมากขึ้นได้ จึงต้องดูแลการใช้ยาอย่างเคร่งครัด ซึ่งยาในปัจจุบันที่รักษาเรื่องของกรดไหลย้อน จะไม่ค่อยดูดซึมไปสู่กระเพาะมากนัก จึงปลอดภัยกับคุณแม่และลูกน้อยในท้องค่ะ
หากคุณแม่ทำตามวิธีที่แนะนำทุกอย่างแล้ว แต่ยังมีอาการแน่นท้องอยู่บ้าง ก็ให้ทำใจให้สบาย ไม่ต้องไปเครียดกับอาการที่เป็นมากค่ะ เพราะช่วงท้องเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่คุณแม่ท้องจะต้องเผชิญอยู่แล้วตาม ธรรมชาติ ซึ่งเมื่อผ่านพ้นไปถึงช่วงหลังคลอดก็จะกลับมาเป็นปกติไค้ค่ะ
เรื่อง
: สิริพร
แหล่งที่มา รักลูก, http://baby.kapook.com
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
No comments:
Post a Comment