การลดน้ำหนักมีหลากหลายวิธีแล้วแต่ว่าคนจะเลือกใช้
แต่ก็ใช่ว่าทุกวิธีจะเป็นวิธีที่ดีและถูกต้อง เพราะบางวิธีอาจจะเป็นการทำลายสุขภาพแถมยังทำให้อ้วนขึ้นยิ่งกว่าเดิม
เชื่อว่าหลาย ๆ คนนั้น คงใฝ่ฝันที่จะมีรูปร่างที่สวยงามและผอมเพรียว แต่ว่าไม่ว่าจะใช้วิธีไหนในการลดน้ำหนักก็รู้สึกว่ามันไม่เคยประสบความสำเร็จเลยแม้แต่น้อย นั่นก็เป็นเพราะว่าเรานั้นยังคงทำพฤติกรรมบางอย่างที่ไม่ดีต่อสุขภาพและเป็น การเพิ่มน้ำหนักโดยไม่รู้ตัว
วันนี้ กระปุกดอทคอมได้นำข้อมูลจากเว็บไซต์ skinnymom.com เกี่ยวกับพฤติกรรมแย่ ๆ ที่ทำให้คุณอ้วนมาบอกกัน ซึ่งขอบอกเลยว่า ถ้าอ่านแล้วเลิกทำพฤติกรรมต่าง ๆ เหล่านี้ได้ คุณจะสามารถลดน้ำหนักได้อย่างแน่นอนค่ะ
1. คำนวณทุกแคลอรี่
ความคิดที่ว่าการคำนวณแคลอรี่จะช่วยให้ลดน้ำหนักได้น่ะมันผิดถนัดเลยค่ะ เพราะแคลอรี่เป็นเพียงแค่หน่วยในการวัดพลังงานที่มีอยู่ในอาหารต่อกรัม ไม่ได้มีไว้เพื่อคำนวณปริมาณอาหารที่เราควรทานค่ะ การใช้การคำนวณนอกจากจะไม่ช่วยในการลดน้ำหนักแล้ว อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เราขาดสารอาหารอีกด้วย
2. พยายามควบคุมความอยากอาหาร
หลายคนคิดว่าการความอยากอาหารนั้นเกิดขึ้นภายในจิตใจของเราทั้งที่จริง ๆ แล้ว ความอยากอาหารนั้นเกิดขึ้นจากจากการตอบสนองทางชีวเคมีของสมองต่ออาหาร จริงอยู่ที่เหตุผลทางอารมณ์เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้อยากอาหาร แต่เหตุผลใหญ่ที่ทำให้เราอยากอาหารนั้นคือเกิดจากปฏิกิริยาทางเคมีภายในสมอง ที่ควบคุมฮอร์โมน Cholecystokinin (CKK) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้เกิดความความอยากอาหาร
เชื่อว่าหลาย ๆ คนนั้น คงใฝ่ฝันที่จะมีรูปร่างที่สวยงามและผอมเพรียว แต่ว่าไม่ว่าจะใช้วิธีไหนในการลดน้ำหนักก็รู้สึกว่ามันไม่เคยประสบความสำเร็จเลยแม้แต่น้อย นั่นก็เป็นเพราะว่าเรานั้นยังคงทำพฤติกรรมบางอย่างที่ไม่ดีต่อสุขภาพและเป็น การเพิ่มน้ำหนักโดยไม่รู้ตัว
วันนี้ กระปุกดอทคอมได้นำข้อมูลจากเว็บไซต์ skinnymom.com เกี่ยวกับพฤติกรรมแย่ ๆ ที่ทำให้คุณอ้วนมาบอกกัน ซึ่งขอบอกเลยว่า ถ้าอ่านแล้วเลิกทำพฤติกรรมต่าง ๆ เหล่านี้ได้ คุณจะสามารถลดน้ำหนักได้อย่างแน่นอนค่ะ
1. คำนวณทุกแคลอรี่
ความคิดที่ว่าการคำนวณแคลอรี่จะช่วยให้ลดน้ำหนักได้น่ะมันผิดถนัดเลยค่ะ เพราะแคลอรี่เป็นเพียงแค่หน่วยในการวัดพลังงานที่มีอยู่ในอาหารต่อกรัม ไม่ได้มีไว้เพื่อคำนวณปริมาณอาหารที่เราควรทานค่ะ การใช้การคำนวณนอกจากจะไม่ช่วยในการลดน้ำหนักแล้ว อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เราขาดสารอาหารอีกด้วย
2. พยายามควบคุมความอยากอาหาร
หลายคนคิดว่าการความอยากอาหารนั้นเกิดขึ้นภายในจิตใจของเราทั้งที่จริง ๆ แล้ว ความอยากอาหารนั้นเกิดขึ้นจากจากการตอบสนองทางชีวเคมีของสมองต่ออาหาร จริงอยู่ที่เหตุผลทางอารมณ์เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้อยากอาหาร แต่เหตุผลใหญ่ที่ทำให้เราอยากอาหารนั้นคือเกิดจากปฏิกิริยาทางเคมีภายในสมอง ที่ควบคุมฮอร์โมน Cholecystokinin (CKK) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้เกิดความความอยากอาหาร
ทั้งนี้
ถ้าต้องการหยุดความอยากอาหารไว้ก็ไม่ควรอด แต่ควรที่จะทานโปรตีนและไขมันเข้าไปบ้าง
เพราะโปรตีนและไขมันจะเป็นสารอาหารที่ไปหยุดการทำงานของสมองที่ควบคุมความหิว
แทนที่จะกินแป้งหรือน้ำตาล เพราะนั่นนอกจะไม่ช่วยความหิวลดลงแล้วยังจะกระตุ้นให้อยากกินอาหารเพิ่มขึ้นอีกซึ่งเป็นสาเหตุทำให้อ้วนไม่เลิก
3. งดอาหารไขมันอิ่มตัวสูง
ไม่น่าเชื่อว่าอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูงน่ะ จริง ๆ แล้วเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางอาหารสูงมากซึ่งทำให้เกิดอาการอิ่ม ช่วยรักษาอาการอักเสบ นอกจากนี้ยังลดความเสี่ยงในการการเป็นโรคหัวใจและเบาหวาน แถมช่วยป้องกันมะเร็งอีกด้วย ดังนั้นก็ควรทานบ้าง อย่างเช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันถั่วเหลือง ไม่ใช่เลี่ยงอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูงไปซะทุกอย่าง
ทั้งนี้ ไขมันอิ่มตัวเป็นสารอาหารที่สำคัญต่อหัวใจ เพราะไขมันที่อยู่บริเวณรอบ ๆ หัวใจนั้นเป็นไขมันอิ่มตัวแทบทั้้งสิ้น และเมื่อเราเกิดอาการเครียด หัวใจก็จะเริ่มใช้ไขมันเหล่านั้นในการทำงาน ขณะที่ไขมันอิ่มตัวปานกลางที่อยู่ในน้ำมันมะพร้าวนั้นก็ใช้ในการทำงานของสมอง
อีกเรื่องที่ต้องรู้ก็คือ ไขมันอิ่มตัวจะไม่มีเกิดการออกซิไดซ์ หรือที่เรียกว่าการหืน ซึ่งจะไม่ทำให้เกิดอนุมูลอิสระและไม่แปรสภาพโมเลกุลเป็นไขมันทรานส์ อันเป็นสาเหตุของมะเร็ง
4. หลีกเลี่ยงอาหารที่มีคอเลสเตอรอล
จริง ๆ แล้ว อาหารที่มีคอเลสเตอรอลไม่ได้เลวร้าย แถมยังจำเป็นต่อสุขภาพที่ดีอีกด้วย เพราะคอเลสเตอรอลช่วยป้องกันหัวใจ, สมอง, ฮอร์โมนและระบบประสาท, ปรับสมดุลของฮอร์โมน ช่วยจัดระเบียบสมองและระบบประสาท อย่างไรก็ตาม ถ้าร่างกายของคุณไม่สามารถสร้างคอเลสเตอรอลได้เพียงพอต่อวัน การกินอาหารที่มีคอเลสเตอรอลบ้างจึงเป็นสิ่งที่ควรทำมากกว่าหลีกเลี่ยง
3. งดอาหารไขมันอิ่มตัวสูง
ไม่น่าเชื่อว่าอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูงน่ะ จริง ๆ แล้วเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางอาหารสูงมากซึ่งทำให้เกิดอาการอิ่ม ช่วยรักษาอาการอักเสบ นอกจากนี้ยังลดความเสี่ยงในการการเป็นโรคหัวใจและเบาหวาน แถมช่วยป้องกันมะเร็งอีกด้วย ดังนั้นก็ควรทานบ้าง อย่างเช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันถั่วเหลือง ไม่ใช่เลี่ยงอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูงไปซะทุกอย่าง
ทั้งนี้ ไขมันอิ่มตัวเป็นสารอาหารที่สำคัญต่อหัวใจ เพราะไขมันที่อยู่บริเวณรอบ ๆ หัวใจนั้นเป็นไขมันอิ่มตัวแทบทั้้งสิ้น และเมื่อเราเกิดอาการเครียด หัวใจก็จะเริ่มใช้ไขมันเหล่านั้นในการทำงาน ขณะที่ไขมันอิ่มตัวปานกลางที่อยู่ในน้ำมันมะพร้าวนั้นก็ใช้ในการทำงานของสมอง
อีกเรื่องที่ต้องรู้ก็คือ ไขมันอิ่มตัวจะไม่มีเกิดการออกซิไดซ์ หรือที่เรียกว่าการหืน ซึ่งจะไม่ทำให้เกิดอนุมูลอิสระและไม่แปรสภาพโมเลกุลเป็นไขมันทรานส์ อันเป็นสาเหตุของมะเร็ง
4. หลีกเลี่ยงอาหารที่มีคอเลสเตอรอล
จริง ๆ แล้ว อาหารที่มีคอเลสเตอรอลไม่ได้เลวร้าย แถมยังจำเป็นต่อสุขภาพที่ดีอีกด้วย เพราะคอเลสเตอรอลช่วยป้องกันหัวใจ, สมอง, ฮอร์โมนและระบบประสาท, ปรับสมดุลของฮอร์โมน ช่วยจัดระเบียบสมองและระบบประสาท อย่างไรก็ตาม ถ้าร่างกายของคุณไม่สามารถสร้างคอเลสเตอรอลได้เพียงพอต่อวัน การกินอาหารที่มีคอเลสเตอรอลบ้างจึงเป็นสิ่งที่ควรทำมากกว่าหลีกเลี่ยง
5. กินน้ำตาล
หรือของหวานไขมันต่ำมากเกินไป
น้ำตาลและแป้งเป็นตัวเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดและระดับของอินซูลิน ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดไขมันสะสม โดยเฉพาะบริเวณช่วงกลางลำตัว แถมอาหารไขมันต่ำจะยิ่งทำให้น้ำตาลและแป้งถูกย่อยโดยรวดเร็วซึ่งจะทำให้คุณรู้สึกหิวเร็วขึ้นหลังจากที่กินเข้าไปไม่นาน นอกจากนี้ยังมีผลต่อสมอง ทำให้คุณรู้สึกอยากจะกินมากขึ้นถึงแม้ว่าคุณจะไม่หิวก็ตาม
6. งดอาหารเช้า
แม้จะมีการวิจัยและการศึกษาหลายครั้งออกมายืนยันแล้วว่า อาหารเช้าจำเป็นต่อร่างกาย แต่หลายคนก็ยังละเลยกับการกินอาหารเช้า โดยหารู้ไม่ว่า การที่เราไม่กินอาหารเช้า หรือกินโปรตีนและไขมันไม่เพียงพอในมื้อเช้า แต่กลับกินแป้งและน้ำตาลหรืออาหารเช้าที่มีไขมันและโปรตีนต่ำ จะทำให้น้ำตาลในเลือดไหลเวียนอย่างรวดเร็วไปยังทั่วร่างกาย
แต่การกินอาหารเช้าที่มีไขมันและโปรตีนเพียงพอ จะทำให้ระยะห่างระหว่างมื้อยาวขึ้น โดยที่ไม่รู้สึกหิว เพราะอาหารเช้ามีส่วนทำให้เกิดความเสถียรของน้ำตาลในเลือดและระดับอินซูลีน นอกจากนี้จะยังทำให้คุณกินน้องลงในแต่ละมื้ออีกด้วย
น้ำตาลและแป้งเป็นตัวเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดและระดับของอินซูลิน ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดไขมันสะสม โดยเฉพาะบริเวณช่วงกลางลำตัว แถมอาหารไขมันต่ำจะยิ่งทำให้น้ำตาลและแป้งถูกย่อยโดยรวดเร็วซึ่งจะทำให้คุณรู้สึกหิวเร็วขึ้นหลังจากที่กินเข้าไปไม่นาน นอกจากนี้ยังมีผลต่อสมอง ทำให้คุณรู้สึกอยากจะกินมากขึ้นถึงแม้ว่าคุณจะไม่หิวก็ตาม
6. งดอาหารเช้า
แม้จะมีการวิจัยและการศึกษาหลายครั้งออกมายืนยันแล้วว่า อาหารเช้าจำเป็นต่อร่างกาย แต่หลายคนก็ยังละเลยกับการกินอาหารเช้า โดยหารู้ไม่ว่า การที่เราไม่กินอาหารเช้า หรือกินโปรตีนและไขมันไม่เพียงพอในมื้อเช้า แต่กลับกินแป้งและน้ำตาลหรืออาหารเช้าที่มีไขมันและโปรตีนต่ำ จะทำให้น้ำตาลในเลือดไหลเวียนอย่างรวดเร็วไปยังทั่วร่างกาย
แต่การกินอาหารเช้าที่มีไขมันและโปรตีนเพียงพอ จะทำให้ระยะห่างระหว่างมื้อยาวขึ้น โดยที่ไม่รู้สึกหิว เพราะอาหารเช้ามีส่วนทำให้เกิดความเสถียรของน้ำตาลในเลือดและระดับอินซูลีน นอกจากนี้จะยังทำให้คุณกินน้องลงในแต่ละมื้ออีกด้วย
7. หลีกเลี่ยงการบริโภคเกลือจนเกินไป
เกลือช่วยควบคุมให้คุณไม่กินมากจนเกินไป นอกจากนี้ยังช่วยจัดระเบียบระดับปริมาณของเลือดและความดันโลหิต, ระบบประสาท, ระบบการเผาผลาญ, การย่อยอาหาร, สมองและการทำงานของต่อมหมวกไต
มีการวิจัยพบว่า จริง ๆ แล้วเกลือนั้นมีผลกระทบน้อยมากต่อความดันโลหิต และการวิจัยยังแสดงให้เห็นว่าการกินเกลือในปริมาณที่น้อยเกินไปทำให้เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลินในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่สอง และยังเป็นสาเหตุของการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจและเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ฉะนั้น จึงควรกินเกลือในปริมาณที่เหมาะสม
8. ใช้วิธีไดเอตแบบผิด ๆ
การไดเอตแม้จะมีหลากหลายวิธีแต่ก็ใช่ว่าวิธีเหล่านั้นจะถูกต้องเสมอไป ในบางครั้งสูตรการไดเอตที่เรานำมาใช้อาจจะเป็นการไดเอตที่ผิดและไม่ดีต่อสุขภาพ และเมื่อวิธีเหล่านั้นไม่ถูกต้องก็ไม่แปลกเลยที่การไดเอตเหล่านั้นจะไม่ประสบผลสำเร็จ
9. กินธัญพืชมากเกินไป
หลายคนเชื่อว่าการกินธัญพืชในปริมาณมากเป็นสิ่งดี เพราะในการลดน้ำหนักนั้นจำเป็นต้องใช้ไฟเบอร์จำนวนมาก แต่ความจริงแล้วธัญพืชที่เรากินเพื่อช่วยในการลดน้ำหนักนั้นกลับให้ปริมาณ ของน้ำตาล แป้งและอินซูลีนมากกว่าไฟเบอร์เสียอีก ซึ่งแทนที่จะทำให้ช่วยลดน้ำหนักได้กลับกลายเป็นการเพิ่มน้ำหนักและไขมัน บริเวณช่วงกลางลำตัว หรือไม่ก็ทำให้เกิดปัญหาในการลดน้ำหนัก
การไดเอตแม้จะมีหลากหลายวิธีแต่ก็ใช่ว่าวิธีเหล่านั้นจะถูกต้องเสมอไป ในบางครั้งสูตรการไดเอตที่เรานำมาใช้อาจจะเป็นการไดเอตที่ผิดและไม่ดีต่อสุขภาพ และเมื่อวิธีเหล่านั้นไม่ถูกต้องก็ไม่แปลกเลยที่การไดเอตเหล่านั้นจะไม่ประสบผลสำเร็จ
9. กินธัญพืชมากเกินไป
หลายคนเชื่อว่าการกินธัญพืชในปริมาณมากเป็นสิ่งดี เพราะในการลดน้ำหนักนั้นจำเป็นต้องใช้ไฟเบอร์จำนวนมาก แต่ความจริงแล้วธัญพืชที่เรากินเพื่อช่วยในการลดน้ำหนักนั้นกลับให้ปริมาณ ของน้ำตาล แป้งและอินซูลีนมากกว่าไฟเบอร์เสียอีก ซึ่งแทนที่จะทำให้ช่วยลดน้ำหนักได้กลับกลายเป็นการเพิ่มน้ำหนักและไขมัน บริเวณช่วงกลางลำตัว หรือไม่ก็ทำให้เกิดปัญหาในการลดน้ำหนัก
10. หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่มีเนื้อสัตว์
หลายคำแนะนำให้บอกให้เราเลี่ยงทานเนื้อสัตว์ แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่ว่าเนื้อสัตว์ไม่มีประโยชน์ หรือการที่เรากินมังสวิรัติก็ไม่ได้แปลว่าอาหารเหล่านั้นจะปลอดภัยเช่นกัน เพราะการกินแต่อาหารที่มีส่วนประกอบของผัก จะทำให้เราไม่ได้รับกรดไขมันที่มีประโยชน์ต่อร่างกายซึ่งบางชนิดมีอยู่ใน สัตว์เท่านั้น
นอกจากนี้
ผักก็ยังไม่มีกรดอะมิโนซึ่งมีอยู่ในโปรตีนในระดับที่เพียงพอต่อความต้องการ ของมนุษย์อีกด้วย
ดังนั้น หากกลัวว่าเนื้อสัตว์ที่ขายอยู่ทั่วไปจะไม่ปลอดภัย ก็ควรเลือกกินเนื้อสัตว์ที่มีระบบการเลี้ยงในระบบเกษตรอินทรีย์
ซึ่งในปัจจุบันก็มีอยู่ไม่น้อย เพราะอย่างไรก็ตามโปรตีนและไขมันที่จำเป็นต่อร่างกายก็ต้องมาจากเนื้อสัตว์อยู่ดี
การจะลดน้ำหนักให้ประสบความสำเร็จได้นั้น จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนนิสัยและละทิ้งความเชื่อเดิม ๆ ควบคู่กันไปด้วย ถึงแม้ว่าอาหารบางชนิดจะมีสารอาหารที่อาจจะทำให้อ้วนขึ้นกว่าเดิม แต่ถ้าหากเรากินในปริมาณที่พอเหมาะ และสม่ำเสมอ ก็จะทำให้ร่างกายแข็งแรงและสามารถลดน้ำหนักได้ตามความตั้งใจ เพราะฉะนั้นควรทานอาหารที่มีสารอาหารครบเพื่อสุขภาพที่ดีนะคะ
การจะลดน้ำหนักให้ประสบความสำเร็จได้นั้น จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนนิสัยและละทิ้งความเชื่อเดิม ๆ ควบคู่กันไปด้วย ถึงแม้ว่าอาหารบางชนิดจะมีสารอาหารที่อาจจะทำให้อ้วนขึ้นกว่าเดิม แต่ถ้าหากเรากินในปริมาณที่พอเหมาะ และสม่ำเสมอ ก็จะทำให้ร่างกายแข็งแรงและสามารถลดน้ำหนักได้ตามความตั้งใจ เพราะฉะนั้นควรทานอาหารที่มีสารอาหารครบเพื่อสุขภาพที่ดีนะคะ
No comments:
Post a Comment