การดูแลเด็กนั้นเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะเด็กเล็ก ๆ
ที่ยังไม่ประสีประสาถึงอันตรายใกล้ตัวที่มีอยู่รอบด้าน ไม่เว้นแม้กระทั่งเครื่องใช้ธรรมดา
ๆ ในบ้านที่ดูไม่มีพิษมีภัยอะไร เพราะฉะนั้น เราจึงคอยเอาใจใส่ลูกอยู่ตลอดเวลา เพื่อไม่ให้ต้องเจ็บตัวโดยรู้เท่าไม่ถึงการ
ด้วยการปกป้องลูกจากสิ่งที่เป็นอันตรายเหล่านี้
1. กระเป๋าของคุณ
บางครั้งเด็ก ๆ ก็ชอบที่จะสำรวจค้นหาสิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ รวมไปถึงกระเป๋าที่คุณแม่ชอบเปิดใช้เป็นประจำ เพราะฉะนั้น พยายามอย่าปล่อยกระเป๋าของคุณไว้ใกล้มือลูกนัก เพราะลูกอาจหยิบจับเสปรย์หรือของมีคนบางอย่างมาเล่นให้เกิดอันตรายต่อตัวเอง ได้ นอกจากนี้ บรรดาของมีคมที่คุณพกไว้ในกระเป๋า เช่น กรรไกรตัดเล็บหรือกรรไกรซอยผม ก็ควรใส่ไว้ในกระเป๋าใบเล็ก ๆ อีกชั้นเพื่อป้องกันเผื่อไว้ด้วย
2. ห้องทำงาน
หากบ้านของคุณเป็นโฮมออฟฟิศ หรือมีห้องทำงานเป็นของตัวเอง ก็ไม่ควรปล่อยให้เด็กไปเล่นที่นั่น เพราะอาจมีอุปกรณ์บางอย่าง เช่น กรรไกร หรือคัตเตอร์ ที่ทำอันตรายต่อเด็กได้ ในขณะเดียวกัน ลูก ๆ ของคุณก็อาจเข้ามาทำลายงานของคุณ ด้วยการขีดเขียนหรือฉีกชิ้นงานของคุณได้เช่นกัน เพราะฉะนั้น พาเด็ก ๆ ไปเล่นที่อื่นจะดีที่สุด
3. สนามเด็กเล่น
ถึงแม้ว่าการพาเด็ก ๆ ไปเล่นนอกบ้านตามสนามเด็กเล่นจะเป็นเรื่องดี เพราะช่วยให้ลูกได้เล่นของเล่นชิ้นใหญ่ ๆ ที่ไม่สามารถเล่นที่บ้านได้ แถมยังช่วยให้ได้พบปะเพื่อนใหม่ ๆ แต่ถึงอย่างนั้น เราก็ควรระวังเชื้อโรคที่จะเข้ามาทำร้ายสุขภาพของลูก ๆ เช่นกัน เราจึงควรเลือกสนามเด็กเล่นที่สะอาดและไม่เก่าจนทรุดโทรมนัก นอกจากนี้ ก็ควรคอยดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกเล่นอะไรที่อันตรายจนเกินไปอีกด้วย
4. กระเป๋าอุปกรณ์เปลี่ยนผ้าอ้อม
แม้ว่าของในกระเป๋าส่วนใหญ่แล้วจะเป็นของที่ใช้กับเด็กโดยเฉพาะ แต่ถึงอย่างนั้นก็อย่าประมาท เพราะของพวกนี้สามารถทำอันตรายแก่ลูกของคุณได้เช่นกัน เพราะหากใช้ผิดที่ เช่นนำโลชั่นทาผิวเข้าปากหรือทาบริเวณตา ก็อาจส่งผลร้ายกับร่างกายของลูก ๆ ได้ ดังนั้น หลังจากใช้งานแล้ว ควรเก็บของพวกนี้ให้ห่างจากลูกมากที่สุด
5. ดูแลที่นอนของเด็กให้ดี
คุณไม่ควรเอาเด็กที่อายุต่ำกว่า 2 ขวบมานอนด้วยกันบนเตียงเด็ดขาด เพราะถ้าหากคุณเผลอนอนละเมอไปทับเด็กเข้า เด็กอาจขาดอากาศหายใจจนเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ นอกจากนี้ ก็ควรเลือกเปลให้ดีเพื่อความปลอดภัยของลูก ๆ ด้วย ซึ่งคุณไม่ควรเลือกแบบที่มีสภาพไม่มั่นคงแข็งแรง หรือแบบที่มีช่องว่างระหว่างเบาะที่นอนและผนังเปลมากเกินไป เพราะจะทำให้ศรีษะของเด็กเข้าไปติดได้
6. สัตว์เลี้ยงที่คุณรัก
บางทีสุนัขหรือแมวที่คุณเลี้ยงก็อาจทำอันตรายกับเด็ก ๆ ในบ้านได้เช่นกัน คุณจึงควรกันไม่ให้ลูกของคุณไปยุ่งกับสัตว์เลี้ยงจนกว่าจะโตพอที่จะเล่นกับ พวกมันได้อย่างถูกวิธี โดยเฉพาะในเวลาที่สัตว์เลี้ยงของคุณกำลังเล่นของเล่นหรือกินอาหาร เพราะมันอาจเข้าใจผิดว่าลูกของคุณกำลังจะเข้าไปแย่งของของมันจนหันมาทำร้าย เอาได้ อย่างไรก็ตาม นอกจากสอนลูกของคุณแล้ว ก็ควรฝึกให้สัตว์เลี้ยงของคุณยอมรับสมาชิกใหม่ของบ้านด้วย มันจะได้ไม่รู้สึกน้อยใจว่าถูกแย่งความรักจนมองลูกของคุณเป็นศัตรู
7. อย่าปล่อยเด็กเล่นข้างถังขยะตามลำพัง
หากถังขยะของคุณมีขนาดเตี้ยระดับที่เด็กสามารถเข้าไปคุ้ยเขี่ยได้ง่าย ๆ ก็ไม่ควรปล่อยให้ลูกเล่นในระยะที่ใกล้ถังขยะตามลำพัง เพราะแน่นอนว่าในถังขยะนั้นมีสิ่งสกปรกอยู่มากมาย และหากลูกของคุณไปหยิบจับหรือเอาเข้าปากล่ะก็ ย่อมส่งผลเสียต่อร่างกายของลูกแน่นอน
8. เลือกรถเข็นให้ดี
รถเข็นเด็กนั้นเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะการใช้รถเข็นที่ไม่ดีนั้น อาจนำลูกคุณไปสู่อุบัติเหตุได้ตลอดเวลา เพราะฉะนั้น ต้องมั่นใจว่ารถเข็นที่คุณซื้อแข็งแรงและมั่นคงพอที่จะไม่ล้มเวลาที่คุณหัก เลี้ยว หรือเบรกไม่อยู่จนทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ นอกจากนี้ หลังจากที่ซื้อรถเข็นแล้ว ควรตรวจเช็คสภาพทุกเดือนเพื่อความปลอดภัยของเด็ก ๆ ด้วย
9. ควรระวังตู้เย็นด้วย
คุณควรจับตาดูแลไม่ให้เด็ก ๆ ไปยุ่งกับตู้เย็นมากนัก โดยเฉพาะคนที่มีตู้เย็นขนาดเล็กและมีน้ำหนักเบาที่เด็กสามารถเปิดได้ด้วยตัว เอง เพื่อไม่ให้ลูก ๆ ที่รู้เท่าไม่ถึงการเข้าไปเล่นในตู้เย็น และติดอยู่ข้างในจนไม่สามารถเปิดออกมาได้ ดังนั้น ควรหาซื้อที่ล็อคตู้เย็นมาติดไว้ในส่วนที่เด็กเอื้อมถึง เพื่อไม่ให้ลูกสามารถเปิดได้ นอกจากนี้ก็ควรสอนลูกให้รู้ด้วยว่า การเข้าไปเล่นในตู้เย็นนั้นอันตรายแค่ไหน
10. เก็บพวกสารเคมีต่าง ๆ ไว้ในที่สูง
อุปกรณ์ทำความสะอาดทั้งหลายควรวางไว้บนชั้นสูง ๆ ที่เด็กไม่สามารถเอื้อมถึง ในขณะเดียวกันพวกยาที่คุณเก็บไว้ก็ควรจะถูกล็อคเก็บอย่างมิดชิดอยู่ในตู้ เช่นกัน เพื่อความปลอดภัยของเด็ก ๆ รวมถึงสัตว์เลี้ยงของคุณด้วย เพราะสารเคมีบางชนิดอาจมีฤทธิ์ร้ายแรง จนถึงขั้นทำอันตรายถึงชีวิตได้
อย่างไรก็ตาม ควรดูแลลูกอย่างใกล้ชิด แต่อย่าปกป้องลูกมากจนเกินไป สิ่งไหนที่ไม่ได้เป็นอันตรายร้ายแรง ก็ควรให้ลูกได้ลองสำรวจและเรียนรู้ด้วยตัวเองบ้าง เพื่อเป็นประสบการณ์ของชีวิตอย่างหนึ่งนะคะ
1. กระเป๋าของคุณ
บางครั้งเด็ก ๆ ก็ชอบที่จะสำรวจค้นหาสิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ รวมไปถึงกระเป๋าที่คุณแม่ชอบเปิดใช้เป็นประจำ เพราะฉะนั้น พยายามอย่าปล่อยกระเป๋าของคุณไว้ใกล้มือลูกนัก เพราะลูกอาจหยิบจับเสปรย์หรือของมีคนบางอย่างมาเล่นให้เกิดอันตรายต่อตัวเอง ได้ นอกจากนี้ บรรดาของมีคมที่คุณพกไว้ในกระเป๋า เช่น กรรไกรตัดเล็บหรือกรรไกรซอยผม ก็ควรใส่ไว้ในกระเป๋าใบเล็ก ๆ อีกชั้นเพื่อป้องกันเผื่อไว้ด้วย
2. ห้องทำงาน
หากบ้านของคุณเป็นโฮมออฟฟิศ หรือมีห้องทำงานเป็นของตัวเอง ก็ไม่ควรปล่อยให้เด็กไปเล่นที่นั่น เพราะอาจมีอุปกรณ์บางอย่าง เช่น กรรไกร หรือคัตเตอร์ ที่ทำอันตรายต่อเด็กได้ ในขณะเดียวกัน ลูก ๆ ของคุณก็อาจเข้ามาทำลายงานของคุณ ด้วยการขีดเขียนหรือฉีกชิ้นงานของคุณได้เช่นกัน เพราะฉะนั้น พาเด็ก ๆ ไปเล่นที่อื่นจะดีที่สุด
3. สนามเด็กเล่น
ถึงแม้ว่าการพาเด็ก ๆ ไปเล่นนอกบ้านตามสนามเด็กเล่นจะเป็นเรื่องดี เพราะช่วยให้ลูกได้เล่นของเล่นชิ้นใหญ่ ๆ ที่ไม่สามารถเล่นที่บ้านได้ แถมยังช่วยให้ได้พบปะเพื่อนใหม่ ๆ แต่ถึงอย่างนั้น เราก็ควรระวังเชื้อโรคที่จะเข้ามาทำร้ายสุขภาพของลูก ๆ เช่นกัน เราจึงควรเลือกสนามเด็กเล่นที่สะอาดและไม่เก่าจนทรุดโทรมนัก นอกจากนี้ ก็ควรคอยดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกเล่นอะไรที่อันตรายจนเกินไปอีกด้วย
4. กระเป๋าอุปกรณ์เปลี่ยนผ้าอ้อม
แม้ว่าของในกระเป๋าส่วนใหญ่แล้วจะเป็นของที่ใช้กับเด็กโดยเฉพาะ แต่ถึงอย่างนั้นก็อย่าประมาท เพราะของพวกนี้สามารถทำอันตรายแก่ลูกของคุณได้เช่นกัน เพราะหากใช้ผิดที่ เช่นนำโลชั่นทาผิวเข้าปากหรือทาบริเวณตา ก็อาจส่งผลร้ายกับร่างกายของลูก ๆ ได้ ดังนั้น หลังจากใช้งานแล้ว ควรเก็บของพวกนี้ให้ห่างจากลูกมากที่สุด
5. ดูแลที่นอนของเด็กให้ดี
คุณไม่ควรเอาเด็กที่อายุต่ำกว่า 2 ขวบมานอนด้วยกันบนเตียงเด็ดขาด เพราะถ้าหากคุณเผลอนอนละเมอไปทับเด็กเข้า เด็กอาจขาดอากาศหายใจจนเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ นอกจากนี้ ก็ควรเลือกเปลให้ดีเพื่อความปลอดภัยของลูก ๆ ด้วย ซึ่งคุณไม่ควรเลือกแบบที่มีสภาพไม่มั่นคงแข็งแรง หรือแบบที่มีช่องว่างระหว่างเบาะที่นอนและผนังเปลมากเกินไป เพราะจะทำให้ศรีษะของเด็กเข้าไปติดได้
6. สัตว์เลี้ยงที่คุณรัก
บางทีสุนัขหรือแมวที่คุณเลี้ยงก็อาจทำอันตรายกับเด็ก ๆ ในบ้านได้เช่นกัน คุณจึงควรกันไม่ให้ลูกของคุณไปยุ่งกับสัตว์เลี้ยงจนกว่าจะโตพอที่จะเล่นกับ พวกมันได้อย่างถูกวิธี โดยเฉพาะในเวลาที่สัตว์เลี้ยงของคุณกำลังเล่นของเล่นหรือกินอาหาร เพราะมันอาจเข้าใจผิดว่าลูกของคุณกำลังจะเข้าไปแย่งของของมันจนหันมาทำร้าย เอาได้ อย่างไรก็ตาม นอกจากสอนลูกของคุณแล้ว ก็ควรฝึกให้สัตว์เลี้ยงของคุณยอมรับสมาชิกใหม่ของบ้านด้วย มันจะได้ไม่รู้สึกน้อยใจว่าถูกแย่งความรักจนมองลูกของคุณเป็นศัตรู
7. อย่าปล่อยเด็กเล่นข้างถังขยะตามลำพัง
หากถังขยะของคุณมีขนาดเตี้ยระดับที่เด็กสามารถเข้าไปคุ้ยเขี่ยได้ง่าย ๆ ก็ไม่ควรปล่อยให้ลูกเล่นในระยะที่ใกล้ถังขยะตามลำพัง เพราะแน่นอนว่าในถังขยะนั้นมีสิ่งสกปรกอยู่มากมาย และหากลูกของคุณไปหยิบจับหรือเอาเข้าปากล่ะก็ ย่อมส่งผลเสียต่อร่างกายของลูกแน่นอน
8. เลือกรถเข็นให้ดี
รถเข็นเด็กนั้นเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะการใช้รถเข็นที่ไม่ดีนั้น อาจนำลูกคุณไปสู่อุบัติเหตุได้ตลอดเวลา เพราะฉะนั้น ต้องมั่นใจว่ารถเข็นที่คุณซื้อแข็งแรงและมั่นคงพอที่จะไม่ล้มเวลาที่คุณหัก เลี้ยว หรือเบรกไม่อยู่จนทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ นอกจากนี้ หลังจากที่ซื้อรถเข็นแล้ว ควรตรวจเช็คสภาพทุกเดือนเพื่อความปลอดภัยของเด็ก ๆ ด้วย
9. ควรระวังตู้เย็นด้วย
คุณควรจับตาดูแลไม่ให้เด็ก ๆ ไปยุ่งกับตู้เย็นมากนัก โดยเฉพาะคนที่มีตู้เย็นขนาดเล็กและมีน้ำหนักเบาที่เด็กสามารถเปิดได้ด้วยตัว เอง เพื่อไม่ให้ลูก ๆ ที่รู้เท่าไม่ถึงการเข้าไปเล่นในตู้เย็น และติดอยู่ข้างในจนไม่สามารถเปิดออกมาได้ ดังนั้น ควรหาซื้อที่ล็อคตู้เย็นมาติดไว้ในส่วนที่เด็กเอื้อมถึง เพื่อไม่ให้ลูกสามารถเปิดได้ นอกจากนี้ก็ควรสอนลูกให้รู้ด้วยว่า การเข้าไปเล่นในตู้เย็นนั้นอันตรายแค่ไหน
10. เก็บพวกสารเคมีต่าง ๆ ไว้ในที่สูง
อุปกรณ์ทำความสะอาดทั้งหลายควรวางไว้บนชั้นสูง ๆ ที่เด็กไม่สามารถเอื้อมถึง ในขณะเดียวกันพวกยาที่คุณเก็บไว้ก็ควรจะถูกล็อคเก็บอย่างมิดชิดอยู่ในตู้ เช่นกัน เพื่อความปลอดภัยของเด็ก ๆ รวมถึงสัตว์เลี้ยงของคุณด้วย เพราะสารเคมีบางชนิดอาจมีฤทธิ์ร้ายแรง จนถึงขั้นทำอันตรายถึงชีวิตได้
อย่างไรก็ตาม ควรดูแลลูกอย่างใกล้ชิด แต่อย่าปกป้องลูกมากจนเกินไป สิ่งไหนที่ไม่ได้เป็นอันตรายร้ายแรง ก็ควรให้ลูกได้ลองสำรวจและเรียนรู้ด้วยตัวเองบ้าง เพื่อเป็นประสบการณ์ของชีวิตอย่างหนึ่งนะคะ
แหล่งที่มา http://baby.kapook.com/view41818.html
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
No comments:
Post a Comment