คุณพ่อคุณแม่บางคนอาจสงสัยว่า ทำไมยิ่งลูกโตขึ้น
ถึงกลายเป็นเด็กที่ไม่ได้เป็นไปอย่างที่คุณคาดหวัง แม้ว่าคุณจะเลี้ยงเขาอย่างดี
ให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ดีที่สุดให้แก่เขาแล้ว หากคุณยังสงสัยอยู่ ให้ลองมาดูสิว่า
คุณทำข้อผิดพลาดทั้ง 7 ข้อเหล่านี้หรือเปล่า หากคุณกำลังทำอยู่
ขอให้หยุดการกระทำเหล่านี้ก่อน แล้วค่อย ๆ ปรับนิสัยใหม่ให้เข้ากับลูก เชื่อสิว่าลูกของคุณจะต้องกลายเป็นเด็กดีมีความสุขในวันที่เขาเติบโตขึ้นแน่
นอน
ดูแลประคบประหงมจนเกินไป
คุณพ่อคุณแม่บางคนรักลูกมากจนไม่ยอมให้ลูกทำอะไรด้วยตัวเอง ไม่ว่าเขาจะอยากได้อะไรหรือทำอะไร คุณก็จะทำให้ทุกอย่างโดยที่เขาไม่ต้องลงแรงทำเองเลย จนอาจเรียกได้ว่าคุณรักลูกไม่ถูกทาง เพราะคุณต้องคิดด้วยว่า วันนี้คุณยังอยู่คอยดูแลประคบประหงมเขา แต่วันข้างหน้าหากคุณไม่อยู่แล้ว เขาจะช่วยตัวเองได้อย่างไร ฉะนั้นลองปล่อยให้เขาได้ทำอะไรเองบ้าง คุณอาจจะคอยดูแลอยู่ห่าง ๆ แต่ไม่ต้องทำทั้งหมดทุกอย่างให้เขาหรอก
ไม่ทำตัวกลมกลืนกับลูก
คุณไม่มีทางเข้าถึงความคิดของลูก ๆ ได้แน่ หากคุณไม่ยอมทำตัวให้กลมกลืนกับพวกเขา ฉะนั้นเวลาที่พวกเขาอยู่รวมกลุ่มกับเพื่อน ๆ ให้คุณลองเข้าไปฟังว่าพวกเขาคุยอะไรกันบ้าง หรือจะหาหนังสือนิตยสารสมัยใหม่ที่อัพเดทเทรนด์เป็นประจำมาอ่านเพื่อจะได้ตามโลกทันบ้าง เพียงเท่านี้คุณก็จะเข้าใจในสิ่งที่พวกเขาเป็นและเข้าถึงความคิดของพวกเขา ได้อย่างง่าย ๆ
ไม่มีเวลาว่างให้ครอบครัว
ถึงแม้ว่าคุณจะหวังดีส่งเรียนพิเศษหรือหาครูที่ดีที่สุดมาดูแลตอนคุณไม่ว่าง แต่ทว่าความจริงไม่มีใครดีสำหรับลูกได้เท่าพ่อแม่อีกแล้วล่ะ ลองสละเวลาจากงานที่ยุ่งยากเพื่อมาพูดคุย มาเล่น พาลูกไปเที่ยว หรือใช้เวลาทำกิจกรรมอย่างอื่นร่วมกันบ้าง เพียงเท่านี้ลูกของคุณก็จะมีความสุขและรู้สึกอบอุ่นใจมากแล้ว
ลงโทษเด็กอย่างรุนแรง
รู้อยู่แล้วล่ะว่า การลงโทษเด็กเมื่อทำความผิด ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ควรสอน แต่การลงโทษด้วยวิธีกระหน่ำตีให้หลาบจำนั้น อาจจะกลายเป็นวิธีที่ทำให้เด็กก้าวร้าวหรือนิสัยเสียมากไปกว่าเดิม ฉะนั้นลองเปลี่ยนวิธีการลงโทษใหม่ดีกว่า เช่น หากคุณห้ามลูกเล่นฟุตบอลในบ้าน แต่ลูกของคุณยังทำแล้วเผลอไปทำกระจกแตกอีก คุณก็อาจจะต้องใจเย็น ๆ ไม่ลงไม้ลงมือ แต่ลงโทษด้วยการให้เขาซักผ้า 1 สัปดาห์ก็ได้นะ
ระบายความโกรธลงสู่ลูก
ไม่ว่าจะมีปัญหาเรื่องงานหรือปัญหากับเพื่อนร่วมงานมาหนักแค่ไหน แต่เมื่อคุณกลับบ้านมาพบเจอหน้าลูก ๆ แล้ว คุณก็ควรทิ้งปัญหาทุกอย่างที่ทำให้หัวเสียไว้ที่ออฟฟิศทั้งหมดเถอะ เพราะคุณไม่ได้พาลูก ๆ ไปทำงานด้วยนี่นา ทำไมพวกเขาต้องมาเจอคุณอารมณ์เสียใส่ด้วยจริงไหมล่ะ? ลองเปลี่ยนมาคุยกับลูกดี ๆ เหมือนเดิม อาจจะทำให้คุณอารมณ์ดีขึ้นกว่าเดิมด้วยก็ได้นะ
ตัดสินใจแทนลูก
การตัดสินใจทุก ๆ สิ่งในชีวิตลูก คุณควรปล่อยให้เขาได้ตัดสินใจเองบ้าง ไม่ใช่ว่าไปตัดสินใจให้เขาทำโน่นทำนี่เพราะคุณคิดว่าดีสำหรับตัวเขา แต่ความจริงแล้ว ไม่มีใครรู้จักลูกของคุณได้ดีเท่าตัวเขาเองแล้วล่ะ ฉะนั้นปล่อยให้เขาได้เลือกได้ตัดสินใจทำอะไรตามที่อยากทำเถอะนะ แต่ถ้าเขาตัดสินใจผิดไปในทางที่ไม่ดี คุณก็เตือนสติให้เขาได้ตัดสินใจในทางที่ถูกที่ควรโดยไม่แกมบังคับจะดีกว่า
คาดหวังในผลการเรียนสูง
อย่างไรก็ตาม เกรดไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิตและไม่ได้ช่วยตัดสินลูกของคุณได้ทุกอย่างหรอก หากเขาสอบได้เกรดน้อยมา คุณก็ควรจะให้กำลังใจและปลอบใจแทนที่จะดุด่าว่าตีหวังจะให้เกรดครั้งหน้าดีขึ้น เพราะเขาก็คงเสียใจไม่น้อยไปกว่าคุณนักหรอก
เห็นไหมล่ะคะว่า การเลี้ยงลูกให้เขาดูแลตัวเองได้และเป็นเด็กที่มีความสุขนั้นไม่ยากอย่างที่คิดเลย เอาเป็นว่ารู้ข้อผิดพลาดเหล่านี้แล้ว คุณก็ลองปรับเปลี่ยนนิสัยให้เข้ากับลูกของคุณใหม่ดีกว่านะคะ
ดูแลประคบประหงมจนเกินไป
คุณพ่อคุณแม่บางคนรักลูกมากจนไม่ยอมให้ลูกทำอะไรด้วยตัวเอง ไม่ว่าเขาจะอยากได้อะไรหรือทำอะไร คุณก็จะทำให้ทุกอย่างโดยที่เขาไม่ต้องลงแรงทำเองเลย จนอาจเรียกได้ว่าคุณรักลูกไม่ถูกทาง เพราะคุณต้องคิดด้วยว่า วันนี้คุณยังอยู่คอยดูแลประคบประหงมเขา แต่วันข้างหน้าหากคุณไม่อยู่แล้ว เขาจะช่วยตัวเองได้อย่างไร ฉะนั้นลองปล่อยให้เขาได้ทำอะไรเองบ้าง คุณอาจจะคอยดูแลอยู่ห่าง ๆ แต่ไม่ต้องทำทั้งหมดทุกอย่างให้เขาหรอก
ไม่ทำตัวกลมกลืนกับลูก
คุณไม่มีทางเข้าถึงความคิดของลูก ๆ ได้แน่ หากคุณไม่ยอมทำตัวให้กลมกลืนกับพวกเขา ฉะนั้นเวลาที่พวกเขาอยู่รวมกลุ่มกับเพื่อน ๆ ให้คุณลองเข้าไปฟังว่าพวกเขาคุยอะไรกันบ้าง หรือจะหาหนังสือนิตยสารสมัยใหม่ที่อัพเดทเทรนด์เป็นประจำมาอ่านเพื่อจะได้ตามโลกทันบ้าง เพียงเท่านี้คุณก็จะเข้าใจในสิ่งที่พวกเขาเป็นและเข้าถึงความคิดของพวกเขา ได้อย่างง่าย ๆ
ไม่มีเวลาว่างให้ครอบครัว
ถึงแม้ว่าคุณจะหวังดีส่งเรียนพิเศษหรือหาครูที่ดีที่สุดมาดูแลตอนคุณไม่ว่าง แต่ทว่าความจริงไม่มีใครดีสำหรับลูกได้เท่าพ่อแม่อีกแล้วล่ะ ลองสละเวลาจากงานที่ยุ่งยากเพื่อมาพูดคุย มาเล่น พาลูกไปเที่ยว หรือใช้เวลาทำกิจกรรมอย่างอื่นร่วมกันบ้าง เพียงเท่านี้ลูกของคุณก็จะมีความสุขและรู้สึกอบอุ่นใจมากแล้ว
ลงโทษเด็กอย่างรุนแรง
รู้อยู่แล้วล่ะว่า การลงโทษเด็กเมื่อทำความผิด ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ควรสอน แต่การลงโทษด้วยวิธีกระหน่ำตีให้หลาบจำนั้น อาจจะกลายเป็นวิธีที่ทำให้เด็กก้าวร้าวหรือนิสัยเสียมากไปกว่าเดิม ฉะนั้นลองเปลี่ยนวิธีการลงโทษใหม่ดีกว่า เช่น หากคุณห้ามลูกเล่นฟุตบอลในบ้าน แต่ลูกของคุณยังทำแล้วเผลอไปทำกระจกแตกอีก คุณก็อาจจะต้องใจเย็น ๆ ไม่ลงไม้ลงมือ แต่ลงโทษด้วยการให้เขาซักผ้า 1 สัปดาห์ก็ได้นะ
ระบายความโกรธลงสู่ลูก
ไม่ว่าจะมีปัญหาเรื่องงานหรือปัญหากับเพื่อนร่วมงานมาหนักแค่ไหน แต่เมื่อคุณกลับบ้านมาพบเจอหน้าลูก ๆ แล้ว คุณก็ควรทิ้งปัญหาทุกอย่างที่ทำให้หัวเสียไว้ที่ออฟฟิศทั้งหมดเถอะ เพราะคุณไม่ได้พาลูก ๆ ไปทำงานด้วยนี่นา ทำไมพวกเขาต้องมาเจอคุณอารมณ์เสียใส่ด้วยจริงไหมล่ะ? ลองเปลี่ยนมาคุยกับลูกดี ๆ เหมือนเดิม อาจจะทำให้คุณอารมณ์ดีขึ้นกว่าเดิมด้วยก็ได้นะ
ตัดสินใจแทนลูก
การตัดสินใจทุก ๆ สิ่งในชีวิตลูก คุณควรปล่อยให้เขาได้ตัดสินใจเองบ้าง ไม่ใช่ว่าไปตัดสินใจให้เขาทำโน่นทำนี่เพราะคุณคิดว่าดีสำหรับตัวเขา แต่ความจริงแล้ว ไม่มีใครรู้จักลูกของคุณได้ดีเท่าตัวเขาเองแล้วล่ะ ฉะนั้นปล่อยให้เขาได้เลือกได้ตัดสินใจทำอะไรตามที่อยากทำเถอะนะ แต่ถ้าเขาตัดสินใจผิดไปในทางที่ไม่ดี คุณก็เตือนสติให้เขาได้ตัดสินใจในทางที่ถูกที่ควรโดยไม่แกมบังคับจะดีกว่า
คาดหวังในผลการเรียนสูง
อย่างไรก็ตาม เกรดไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิตและไม่ได้ช่วยตัดสินลูกของคุณได้ทุกอย่างหรอก หากเขาสอบได้เกรดน้อยมา คุณก็ควรจะให้กำลังใจและปลอบใจแทนที่จะดุด่าว่าตีหวังจะให้เกรดครั้งหน้าดีขึ้น เพราะเขาก็คงเสียใจไม่น้อยไปกว่าคุณนักหรอก
เห็นไหมล่ะคะว่า การเลี้ยงลูกให้เขาดูแลตัวเองได้และเป็นเด็กที่มีความสุขนั้นไม่ยากอย่างที่คิดเลย เอาเป็นว่ารู้ข้อผิดพลาดเหล่านี้แล้ว คุณก็ลองปรับเปลี่ยนนิสัยให้เข้ากับลูกของคุณใหม่ดีกว่านะคะ
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
No comments:
Post a Comment