Monday, March 21, 2016

อย่านิ่งนอนใจ เลือดกำเดาไหลในเด็ก




เลือดกำเดาไหลในเด็ก สาเหตุเกิดจากอะไร หรืออาจจะเป็นสัญญาณเตือนบอกโรคของลูกก็ได้ค่ะ คุณพ่อคุณแม่อย่านิ่งนอนใจไปนะคะ วันนี้กระปุกดอทคอมก็มีเกร็ดความรู้เรื่องเลือดกำเดาไหล พร้อมวิธีการดูแลเบื้องต้นจากนิตยสาร Mother & Care มาฝากกันด้วยค่ะ ส่วนเลือดกำเดาไหลจะเกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง เราไปหาคำตอบกันเลย

         เลือดกำเดาไหล คือการมีเลือดออกมาจากรูจมูก โพรงจมูก หรือหลังโพรงจมูก มักจะพบในเด็กช่วงอายุ 2-10 ขวบ เป็นอาการที่พบได้ในเด็กหรือแม้แต่ผู้ใหญ่ มาดูวิธีการรับมือกับเรื่องนี้สำหรับลูกน้อยกันค่ะ
 

สาเหตุ เลือดกำเดาไหลนั้นมีได้หลายสาเหตุได้แก่

         เส้นเลือดฝอยในโพรงจมูกแตก เนื่องจากอากาศแห้ง ร้อนจัดหรือหนาวจัด

         เกิดการกระทบกระเทือน เช่น ถูกเพื่อนวิ่งชน มีผนังกั้นจมูกผิดปกติ ผนังกั้นจมูกเกิดการอักเสบจากการติดเชื้อของทางเดินหายใจส่วนบนหรือโรคคนแพ้ อากาศ

         ร่างกายขาดวิตามินซี

         ความผิดปกติของระบบร่างกาย เช่น ระบบการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ และโรคเลือดต่าง ๆ

         วิธีรับมือ โดยทั่วไป เมื่อเด็กมีเลือดกำเดาไหล จะหยุดเองภายในไม่เกิน 5 นาที และสามารถช่วยเหลือเบื้องต้นได้โดย

         ให้เด็กนั่งตัวตรงหายใจทางปาก และใช้กระดาษชำระม้วนเป็นแท่งเล็ก ๆ อุดในรูจมูก

         หรือใช้นิ้วชี้และนิ้วหัวแม่มือบีบปีกจมูกทั้งสองข้างให้แน่น อาจวางผ้าเย็นหรือถุงน้ำแข็งบนดั้งจมูกด้วยก็ได้

         หากเลือดออกไม่หยุดหรือออกมากผิดปกติ ควรพาลูกไปพบคุณหมอ เพื่อตรวจ และดูแลให้เหมาะสม

         ไม่ควรให้ลูกเอนหลังแหงนหน้า เพราะอาจทำให้ลูกขย้อน สำลัก อาเจียน

         นอกจากนี้ หากเลือดไหลไม่หยุด อาจต้องทำการห้ามเลือดโดยการจี้ด้วยสารเคมีหรือไฟฟ้า เพื่อหยุดเลือดกำเดาไหลทางด้านหน้า หรือใส่วัสดุห้ามเลือดในจมูก หรือผูกหลอดเลือดแดงเพื่อให้เลือดหยุด แล้วหาสาเหตุ เพื่อรักษาตามสาเหตุนั้น ๆ
 

อย่านิ่งนอนใจ


         เลือดกำเดาไหลบ่อย ๆ เลือดออกเป็นจำนวนมาก

         มีรอยช้ำจ้ำเขียว มีเลือดออกมากจากบาดแผลเพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ

         มีอาการเวียนศีรษะหรือหน้าซีดร่วม

         สิ่งที่บอกถือเป็นข้อสังเกตง่าย ๆ ที่คุณแม่ควรพาลูกไปพบคุณหมอ เพื่อตรวจเช็กให้ละเอียดเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะอาจเป็นเรื่องอื่นที่นอกเหนือจากเรื่องเลือดกำเดาไหลได้ค่ะ
 

การป้องกัน


         ไม่ควรให้เด็กไปวิ่งเล่นกลางแจ้งนาน ๆ โดยเฉพาะเวลาอากาศร้อนจัด

         ห้ามแคะจมูก ไม่ควรให้จมูกได้รับการกระทบกระเทือน

         ให้ลูกได้ออกกำลังกายสม่ำเสมอ กินอาหารให้ครบ 5 หมู่

         สร้างภูมิต้านทาน เสริมวิตามินซีจากผักหรือผลไม้ เช่น ส้ม ฝรั่ง

         การตัดเล็บลูกให้สั้น และสอนไม่ให้ลูกแคะหรือแกะเกาจมูก ก็เป็นการป้องกันทางหนึ่ง
 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
Mother & Care
Vol.12 No.133 มกราคม 2559
เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/pin/551479916846052320/

No comments:

Post a Comment