Monday, March 2, 2015

ทึ่งเลย ! 3 ของใช้ในบ้าน ที่เปลี่ยนเป็นตัวช่วยยามฉุกเฉินได้



          รับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน ด้วยของใช้ใกล้ตัวในบ้าน รู้ยังว่ามีบางอย่างที่เราสามารถหยิบมาเป็นอุปกรณ์ฉุกเฉินได้นะ..

          ความพร้อมเป็นสิ่งที่ดี เพราะเราไม่รู้ต้องเจอเรื่องยากลำบากเมื่อไร แต่ถ้าหากใครบังเอิญเกิดเรื่องฉุกเฉินในบ้านขึ้นมา วันนี้กระปุกดอทคอมมีไอเดียการใช้สิ่งของทดแทน เพื่อรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินเล็ก ๆ น้อย ๆ หรืออาจใช้เตรียมความพร้อมในกรณีต้องเจอกับเหตุร้าย บอกเลยว่ามีประโยชน์มาก ๆ เพราะเป็นการใช้ของในบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด ถ้าอยากรู้กันแล้วว่ามีอะไรบ้างก็ตามมาดูเลยจ้า

1. เปลี่ยนกระป๋องทูน่า ให้เป็นตะเกียงฉุกเฉิน

          ไฟในบ้านดับ แถมถ่านไฟฉายก็ยังหมดอีก เชื่อไหมว่าแก้ง่าย ๆ ด้วยการเจาะรูฝากระป๋องทูน่าชนิดในน้ำมัน จากนั้นนำกระดาษหนังสือพิมพ์ขนาด 2x5 นิ้ว มาม้วนเพื่อทำเป็นไส้ตะเกียง แล้วสอดลงในรูที่เจาะไว้ โดยปล่อยให้ส่วนปลายโผล่ออกมาประมาณครึ่งนิ้ว รอสักครู่เพื่อให้ไส้ตะเกียงดูดซึมน้ำมันจากนั้นจึงค่อยจุดไฟ ตะเกียงฉุกเฉินอันนี้จะให้แสงสว่างได้ยาวนานเกือบ 2 ชั่วโมง แถมเนื้อทูน่าข้างในยังเก็บไว้กินต่อได้อีกด้วย น่าทึ่งไหมล่ะ 


2. เปลี่ยนเสื้อชั้นใน ให้เป็นหน้ากากป้องกันควัน

          หากเกิดไฟไหม้แล้วอากาศเต็มไปด้วยควัน รีบป้องกันการสำลักควันด้วยการนำเสื้อชั้นในมาสวมแทนหน้ากาก เพราะความเว้าของเสื้อชั้นในมีขนาดใหญ่พอที่จะป้องกันทั้งปากและจมูก นอกจากนี้ตัวสายยังสามารถรัดไว้กับศีรษะ เพื่อให้มือเป็นอิสระใช้งานอย่างอื่นได้ ที่เหลือก็แค่เคลื่อนย้ายไปในจุดที่ปลอดภัยให้เร็วที่สุดจ้า


3. เปลี่ยนลิปบาล์ม ให้เป็นเทียนอุ่น ๆ

          ถ้าต้องอยู่ในสถานการณ์ที่หนาวจัด และต้องการตัวช่วยให้ความอบอุ่น ลิปบาล์มสามารถช่วยได้ ด้วยการดึงเส้นด้ายจากไม้ถูพื้นหรือผ้าอนามัยแบบสอด แล้วนำมาผูกเข้ากับคลิปหนีบกระดาษ ก่อนจะเจาะเข้าไปในแท่งลิปบาล์ม ใช้จุดแทนเทียนเพื่อสร้างความอบอุ่นในพื้นที่แคบ ๆ ได้ดี เพราะขี้ผึ้งที่เป็นส่วนผสมของลิปบาล์มเผาไหม้ได้ยาวนานหลายชั่วโมง โดยอย่าลืมหมุนให้เนื้อลิปโผล่ขึ้นมา ไฟจะได้ไม่เผาพลาสติกจนเกิดไฟไหม้

 
          ไม่น่าเชื่อเลยใช่ไหมคะ ว่าสิ่งของพวกนี้จะเป็นตัวช่วยยามฉุกเฉินได้ด้วย รู้แบบนี้ต้องรีบจดเอาไว้ พอเกิดเหตุฉุกเฉินเมื่อไรจะได้แก้ไขทัน ^^

แหล่งที่มา  http://home.kapook.com/view112231.html
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

No comments:

Post a Comment