ผักชี
สรรพคุณดียังไง ทำไมคนญี่ปุ่นถึงฮิตกินผักชีหนักมาก
มาทำความรู้จักประโยชน์ของผักชี ผักดี ๆ ใกล้ตัวเรากันค่ะ
กลิ่น และสีของผักชีมีเอกลักษณ์ที่ชัดเจน และค่อนข้างแรงจนหลายคนอาจรู้สึกยี้ผักชนิดนี้เข้าอย่างจัง ทั้ง ๆ ที่สรรพคุณของผักชีเรียกได้ว่าดีตั้งแต่รากยันใบ ดังนั้นต่อไปหากเจอผักชีอยู่ในจานอาหารก็อย่าเพิ่งเขี่ยทิ้งนะคะ เพราะขนาดคนญี่ปุ่นยังฮิตกินผักชีจนเกิดกระแสผักชีฟีเวอร์ แล้วบ้านเราซึ่งหากินผักชีได้ง่ายมาก ๆ เจอแทบจะทุกเมนูแบบนี้ จะพลาดผักชีให้อายคนญี่ปุ่นไปทำไมกันล่ะเนอะ
กลิ่น และสีของผักชีมีเอกลักษณ์ที่ชัดเจน และค่อนข้างแรงจนหลายคนอาจรู้สึกยี้ผักชนิดนี้เข้าอย่างจัง ทั้ง ๆ ที่สรรพคุณของผักชีเรียกได้ว่าดีตั้งแต่รากยันใบ ดังนั้นต่อไปหากเจอผักชีอยู่ในจานอาหารก็อย่าเพิ่งเขี่ยทิ้งนะคะ เพราะขนาดคนญี่ปุ่นยังฮิตกินผักชีจนเกิดกระแสผักชีฟีเวอร์ แล้วบ้านเราซึ่งหากินผักชีได้ง่ายมาก ๆ เจอแทบจะทุกเมนูแบบนี้ จะพลาดผักชีให้อายคนญี่ปุ่นไปทำไมกันล่ะเนอะ
ผักชี สมุนไพรมีดีที่อยากให้รู้จัก
ผักชี หรือภาษาอังกฤษว่า Coriander เป็นไม้ล้มลุกที่มีสีเขียวตลอดทั้งต้น ยกเว้นรากที่เป็นสีขาว มีถิ่นกำเนิดอยู่ในแถบเมดิเตอร์เรเนียน อินเดีย และเอเชียตะวันตก จึงพบผักชีได้ในประเทศอินเดีย โมร็อกโก ส่วนในไทยจะปลูกผักชีกันมากในจังหวัดราชบุรี นครปฐม และกรุงเทพมหานคร
ผัก สมุนไพรชนิดนี้คนไทยเราคุ้นกลิ่นและคุ้นเคยกันดีเพราะส่วนใหญ่มักจะนำผักชี มาเป็นผักโรยหน้าอาหาร บ้างก็นำรากผักชีหรือเมล็ดผักชีไปตำเป็นเครื่องปรุงส่งกลิ่นหอม ๆ แต่รู้หรือไม่ว่าประโยชน์ของผักชีมีดีกว่ากลิ่นและสีสันเขียว ๆ อีกเยอะ จนฮิตฮอตไปไกลถึงต่างประเทศ โดยเฉพาะความฮิตของผักชีที่ประเทศญี่ปุ่น
ผักชี หรือภาษาอังกฤษว่า Coriander เป็นไม้ล้มลุกที่มีสีเขียวตลอดทั้งต้น ยกเว้นรากที่เป็นสีขาว มีถิ่นกำเนิดอยู่ในแถบเมดิเตอร์เรเนียน อินเดีย และเอเชียตะวันตก จึงพบผักชีได้ในประเทศอินเดีย โมร็อกโก ส่วนในไทยจะปลูกผักชีกันมากในจังหวัดราชบุรี นครปฐม และกรุงเทพมหานคร
ผัก สมุนไพรชนิดนี้คนไทยเราคุ้นกลิ่นและคุ้นเคยกันดีเพราะส่วนใหญ่มักจะนำผักชี มาเป็นผักโรยหน้าอาหาร บ้างก็นำรากผักชีหรือเมล็ดผักชีไปตำเป็นเครื่องปรุงส่งกลิ่นหอม ๆ แต่รู้หรือไม่ว่าประโยชน์ของผักชีมีดีกว่ากลิ่นและสีสันเขียว ๆ อีกเยอะ จนฮิตฮอตไปไกลถึงต่างประเทศ โดยเฉพาะความฮิตของผักชีที่ประเทศญี่ปุ่น
ผักชี สรรพคุณมีอะไรบ้าง
ประโยชน์ของผักชีที่อยากให้รู้กันอย่างชัดเจน เราจะแยกเป็นสรรพคุณทางยาของผักชีตามภูมิปัญญาพื้นบ้าน และประโยชน์ของผักชีตามฐานข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ดังนี้
สรรพคุณทางยาของผักชีตามภูมิปัญญา
ผักชีมีสรรพคุณดี ๆ แทบจะทุกส่วน เริ่มจากส่วนใบผักชี ลำต้น เมล็ดผักชี และราก ตามนี้
- ใบผักชี ช่วยบำรุงธาตุในร่างกาย แก้อาการกระหายน้ำ แก้ไอ แก้หวัด บรรเทาอาการคลื่นไส้ อาเจียน แก้อาการวิงเวียนศีรษะ รักษาอาการอาหารเป็นพิษ และช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด
- เมล็ดผักชี แก้ปวดฟัน รักษาแผลในปาก และผลผักชียังสามารถแก้บิด แก้อาการถ่ายเป็นเลือด ถ่ายเป็นมูก แก้ริดสีดวงทวาร และบรรเทาอาการท้องอืดท้องเฟ้อได้ด้วย
- ต้นสด มีรสเผ็ด ช่วยขับผื่นหัดให้ออกเร็วขึ้น ขับเหงื่อ ขับลม ช่วยให้เจริญอาหาร ละลายเสมหะ และรักษาโรคริดสีดวงทวาร
- รากผักชี ใช้เป็นน้ำกระสายยา ช่วยขับพิษไข้หัว ไข้อีดำอีแดง รักษาหิด และอีสุกอีใส
ประโยชน์ของผักชีที่อยากให้รู้กันอย่างชัดเจน เราจะแยกเป็นสรรพคุณทางยาของผักชีตามภูมิปัญญาพื้นบ้าน และประโยชน์ของผักชีตามฐานข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ดังนี้
สรรพคุณทางยาของผักชีตามภูมิปัญญา
ผักชีมีสรรพคุณดี ๆ แทบจะทุกส่วน เริ่มจากส่วนใบผักชี ลำต้น เมล็ดผักชี และราก ตามนี้
- ใบผักชี ช่วยบำรุงธาตุในร่างกาย แก้อาการกระหายน้ำ แก้ไอ แก้หวัด บรรเทาอาการคลื่นไส้ อาเจียน แก้อาการวิงเวียนศีรษะ รักษาอาการอาหารเป็นพิษ และช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด
- เมล็ดผักชี แก้ปวดฟัน รักษาแผลในปาก และผลผักชียังสามารถแก้บิด แก้อาการถ่ายเป็นเลือด ถ่ายเป็นมูก แก้ริดสีดวงทวาร และบรรเทาอาการท้องอืดท้องเฟ้อได้ด้วย
- ต้นสด มีรสเผ็ด ช่วยขับผื่นหัดให้ออกเร็วขึ้น ขับเหงื่อ ขับลม ช่วยให้เจริญอาหาร ละลายเสมหะ และรักษาโรคริดสีดวงทวาร
- รากผักชี ใช้เป็นน้ำกระสายยา ช่วยขับพิษไข้หัว ไข้อีดำอีแดง รักษาหิด และอีสุกอีใส
วิธีและปริมาณที่ใช้ผักชีเป็นยา
ใช้ ต้นผักชีแห้ง 10-15 กรัม หรือต้นสด 60-150 กรัม มาต้มเอาน้ำมาดื่ม หรือคั้นน้ำผักชีมาดื่ม หากใช้ภายนอกให้เอาน้ำต้มผักชีมาชะล้าง หรือนำผักชีต้มมาตำและพอกให้ทั่ว หรือหากจะใช้เมล็ดผักชีแก้ปวดฟัน รักษาแผลในปาก ให้นำเมล็ดผักชีต้มน้ำ แล้วเอาน้ำผักชีมาบ้วนปากบ่อย ๆ
ทั้งนี้เราสามารถรับประทานผักชีเพื่อบำรุงสุขภาพในขนาดที่ใช้ประกอบอาหารตามปกติได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่นะคะ
ข้อควระวัง
สำหรับ คนที่มีประวัติแพ้พืชวงศ์ผักชี (Apiaceae) หรือแพ้คื่นช่าย ยี่หร่า เทียนข้าวเปลือก เทียนสัตตบุษย์ กระเทียม และหอมใหญ่ ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานผักชี เพราะผักชีอาจก่อให้เกิดอาการแพ้ เช่น เป็นผื่นแพ้ ทำให้ผิวไวต่อแสงแดด เพิ่มความเสี่ยงโรคมะเร็งผิวหนัง เยื่อบุจมูกและตาอักเสบจากภูมิแพ้ รวมไปถึงอาการหลอดลมเกร็งตัวได้
อย่างไรก็ตาม ผักชีเป็นผักที่มีกลิ่นฉุน จึงไม่ควรกินผักชีในปริมาณมาก เพราะอาจทำให้มีกลิ่นตัวแรงขึ้น หรือหากกินผักชีในปริมาณมาก ๆ ก็อาจทำให้เกิดอาการตาลาย ลืมง่ายขึ้นด้วย
ประโยชน์ของผักชีเชิงวิทยาศาสตร์
ก่อนจะไปถึงสรรพคุณของผักชี เรามาดูคุณค่าทางโภชนาการของผักชีสดในปริมาณ 100 กรัมกันก่อนดีกว่า
ผักชีสด 100 กรัม มีคุณค่าทางโภชนาการดังนี้
- คาร์โบไฮเดรต 3.67 กรัม
- น้ำตาล 0.87 กรัม
- เส้นใย 2.8 กรัม
- ไขมัน 0.52 กรัม
- โปรตีน 2.13 กรัม
- วิตามินเอ 337 ไมโครกรัม
- เบต้าแคโรทีน 3,930 ไมโครกรัม
- ลูทีนและซีแซนทีน 865 ไมโครกรัม
- วิตามินบี1 0.067 มิลลิกรัม
- วิตามินบี2 0.162 มิลลิกรัม
- วิตามินบี3 1.114 มิลลิกรัม
- วิตามินบี5 0.57 มิลลิกรัม
- วิตามินบี6 0.149 มิลลิกรัม
- วิตามินบี9 62 ไมโครกรัม
- วิตามินซี 27 มิลลิกรัม
- วิตามินอี 2.5 มิลลิกรัม
- วิตามินเค 310 ไมโครกรัม
- แคลเซียม 67 มิลลิกรัม
- เหล็ก 1.77 มิลลิกรัม
- แมกนีเซียม 26 มิลลิกรัม
- แมงกานีส 0.426 มิลลิกรัม
- ฟอสฟอรัส 48 มิลลิกรัม
- โพแทสเซียม 521 มิลลิกรัม
- โซเดียม 46 มิลลิกรัม
- สังกะสี 0.5 มิลลิกรัม
อย่าง ไรก็ตามหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยังระบุสรรพคุณของผักชีได้แค่ในหนูทดลอง แต่ยังไม่มีข้อมูลการศึกษาในคน ทว่าจากการศึกษาสรรพคุณของผักชีก็พบว่า ส่วนผลผักชี น้ำมันหอมระเหยจากผลผักชี ส่วนใบ และส่วนต้น มีประโยชน์ตามนี้
1. ต้านอนุมูลอิสระ แบคทีเรีย และเชื้อรา
คนญี่ปุ่นฮิตกินผักชีตรงส่วนใบและส่วนต้นผักชีนี่ล่ะค่ะ ซึ่งจากการศึกษาก็พบว่า ใบและต้นของผักชีประกอบไปด้วยสารกลุ่มที่มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระที่ดี อันได้แก่ สารกลุ่มฟลาโวนอยด์ (flavonoids) สารกลุ่มแลคโตน (lactones) สารกลุ่มฟีโนลิก สารกลุ่มแทนนิน และสารกลุ่มแคโรทีนอยด์ นอกจากนี้ยังพบว่าใบผักชีและต้นผักชีอุดมไปด้วยวิตามินและเกลือแร่ด้วยนะคะ
ทั้งนี้ มีงานวิจัยหลายฉบับที่พบว่า ส่วนใบและลำต้นผักชีมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูง มีสรรพคุณต้านอาการชักและต้านการถูกทำลายของเซลล์สมอง ต้านแบคทีเรีย เชื้อรา และมีฤทธิ์ช่วยย่อยในระบบทางเดินอาหาร
2. กระตุ้นการทำงานของกระเพาะอาหารและลำไส้
ผล แก่ของผักชีเป็นเครื่องเทศที่มีกลิ่นหอม สามารถนำไปประกอบในตัวยา ใช้แต่งกลิ่นอาหาร มีฤทธิ์กระตุ้นต่อมกระเพาะอาหารและลำไส้ให้ขับน้ำดีและน้ำย่อยออกมามากขึ้น อีกทั้งในส่วนน้ำมันหอมระเหยจากผลผักชีแก่ยังพบว่ามีสารยับยั้งการเจริญเติบ โตของเชื้อโรคได้
ใช้ ต้นผักชีแห้ง 10-15 กรัม หรือต้นสด 60-150 กรัม มาต้มเอาน้ำมาดื่ม หรือคั้นน้ำผักชีมาดื่ม หากใช้ภายนอกให้เอาน้ำต้มผักชีมาชะล้าง หรือนำผักชีต้มมาตำและพอกให้ทั่ว หรือหากจะใช้เมล็ดผักชีแก้ปวดฟัน รักษาแผลในปาก ให้นำเมล็ดผักชีต้มน้ำ แล้วเอาน้ำผักชีมาบ้วนปากบ่อย ๆ
ทั้งนี้เราสามารถรับประทานผักชีเพื่อบำรุงสุขภาพในขนาดที่ใช้ประกอบอาหารตามปกติได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่นะคะ
ข้อควระวัง
สำหรับ คนที่มีประวัติแพ้พืชวงศ์ผักชี (Apiaceae) หรือแพ้คื่นช่าย ยี่หร่า เทียนข้าวเปลือก เทียนสัตตบุษย์ กระเทียม และหอมใหญ่ ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานผักชี เพราะผักชีอาจก่อให้เกิดอาการแพ้ เช่น เป็นผื่นแพ้ ทำให้ผิวไวต่อแสงแดด เพิ่มความเสี่ยงโรคมะเร็งผิวหนัง เยื่อบุจมูกและตาอักเสบจากภูมิแพ้ รวมไปถึงอาการหลอดลมเกร็งตัวได้
อย่างไรก็ตาม ผักชีเป็นผักที่มีกลิ่นฉุน จึงไม่ควรกินผักชีในปริมาณมาก เพราะอาจทำให้มีกลิ่นตัวแรงขึ้น หรือหากกินผักชีในปริมาณมาก ๆ ก็อาจทำให้เกิดอาการตาลาย ลืมง่ายขึ้นด้วย
ประโยชน์ของผักชีเชิงวิทยาศาสตร์
ก่อนจะไปถึงสรรพคุณของผักชี เรามาดูคุณค่าทางโภชนาการของผักชีสดในปริมาณ 100 กรัมกันก่อนดีกว่า
ผักชีสด 100 กรัม มีคุณค่าทางโภชนาการดังนี้
- คาร์โบไฮเดรต 3.67 กรัม
- น้ำตาล 0.87 กรัม
- เส้นใย 2.8 กรัม
- ไขมัน 0.52 กรัม
- โปรตีน 2.13 กรัม
- วิตามินเอ 337 ไมโครกรัม
- เบต้าแคโรทีน 3,930 ไมโครกรัม
- ลูทีนและซีแซนทีน 865 ไมโครกรัม
- วิตามินบี1 0.067 มิลลิกรัม
- วิตามินบี2 0.162 มิลลิกรัม
- วิตามินบี3 1.114 มิลลิกรัม
- วิตามินบี5 0.57 มิลลิกรัม
- วิตามินบี6 0.149 มิลลิกรัม
- วิตามินบี9 62 ไมโครกรัม
- วิตามินซี 27 มิลลิกรัม
- วิตามินอี 2.5 มิลลิกรัม
- วิตามินเค 310 ไมโครกรัม
- แคลเซียม 67 มิลลิกรัม
- เหล็ก 1.77 มิลลิกรัม
- แมกนีเซียม 26 มิลลิกรัม
- แมงกานีส 0.426 มิลลิกรัม
- ฟอสฟอรัส 48 มิลลิกรัม
- โพแทสเซียม 521 มิลลิกรัม
- โซเดียม 46 มิลลิกรัม
- สังกะสี 0.5 มิลลิกรัม
อย่าง ไรก็ตามหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยังระบุสรรพคุณของผักชีได้แค่ในหนูทดลอง แต่ยังไม่มีข้อมูลการศึกษาในคน ทว่าจากการศึกษาสรรพคุณของผักชีก็พบว่า ส่วนผลผักชี น้ำมันหอมระเหยจากผลผักชี ส่วนใบ และส่วนต้น มีประโยชน์ตามนี้
1. ต้านอนุมูลอิสระ แบคทีเรีย และเชื้อรา
คนญี่ปุ่นฮิตกินผักชีตรงส่วนใบและส่วนต้นผักชีนี่ล่ะค่ะ ซึ่งจากการศึกษาก็พบว่า ใบและต้นของผักชีประกอบไปด้วยสารกลุ่มที่มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระที่ดี อันได้แก่ สารกลุ่มฟลาโวนอยด์ (flavonoids) สารกลุ่มแลคโตน (lactones) สารกลุ่มฟีโนลิก สารกลุ่มแทนนิน และสารกลุ่มแคโรทีนอยด์ นอกจากนี้ยังพบว่าใบผักชีและต้นผักชีอุดมไปด้วยวิตามินและเกลือแร่ด้วยนะคะ
ทั้งนี้ มีงานวิจัยหลายฉบับที่พบว่า ส่วนใบและลำต้นผักชีมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูง มีสรรพคุณต้านอาการชักและต้านการถูกทำลายของเซลล์สมอง ต้านแบคทีเรีย เชื้อรา และมีฤทธิ์ช่วยย่อยในระบบทางเดินอาหาร
2. กระตุ้นการทำงานของกระเพาะอาหารและลำไส้
ผล แก่ของผักชีเป็นเครื่องเทศที่มีกลิ่นหอม สามารถนำไปประกอบในตัวยา ใช้แต่งกลิ่นอาหาร มีฤทธิ์กระตุ้นต่อมกระเพาะอาหารและลำไส้ให้ขับน้ำดีและน้ำย่อยออกมามากขึ้น อีกทั้งในส่วนน้ำมันหอมระเหยจากผลผักชีแก่ยังพบว่ามีสารยับยั้งการเจริญเติบ โตของเชื้อโรคได้
3. ลดน้ำตาลในเลือด
ผลผักชีและสารสกัดจากผลผักชีมีฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ และสามารถใช้ร่วมกับยาลดระดับน้ำตาลในเลือดอย่าง glimepiride, glyburide, insulin, pioglitazone และ rosiglitazone เพื่อเสริมประสิทธิภาพตัวยามากขึ้นก็ได้ค่ะ
4. ลดความดันเลือด
นอก จากผักชีจะมีสรรพคุณลดระดับน้ำตาลในเลือดแล้ว ผลการศึกษาฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของผลและเมล็ดผักชียังพบว่า ส่วนของผักชีดังกล่าวมีฤทธิ์ลดความดันโลหิตได้ และสามารถเสริมประสิทธิภาพให้ยาลดความดันโลหิต เช่น captopril, enalapril, losartan, valsartan, diltiazem, amlodipine, hydrochlorothiazide และ furosemide ทำงานได้อย่างเต็มที่มากขึ้นด้วย
5. ลดความเสี่ยงโรคมะเร็งที่มาจากการบริโภคอาหารปิ้งย่าง
ผลการวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Clinical Nutrition เผยว่า เครื่องเทศรสเผ็ดร้อนอย่างผักชีมีส่วนช่วยยับยั้งสารก่อมะเร็งกลุ่มแอทเทอโร ไซคลิกเอมีน หรือ HCAs ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งที่เกิดจากการประกอบอาหารประเภทปิ้งย่างได้ นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Food Science ที่ได้ผลการศึกษาไปในทางเดียวกันด้วย
6. ต้านอาการอักเสบและบำรุงสายตา
จะ เห็นได้ว่าผักชีสด 100 กรัมมีเบต้าแคโรทีนมากถึง 3,930 ไมโครกรัม ทั้งยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลากหลายชนิด ซึ่งตรงกับการศึกษาของ Plant Foods for Human Nutrition ที่ระบุว่า สารต้านอนุมูลอิสระที่สูงมากของผักชีมีส่วนช่วยต้านการอักเสบของเซลล์ในร่าง กายได้ พร้อมทั้งเบต้าแคโรทีนยังมีส่วนช่วยบำรุงการทำงานของดวงตาได้ดีอีกด้วย
สรรพคุณของผักชีมีดีขนาดนี้ก็เชื่อว่าหลายคนชักอยากจะปลูกผักชีกินเองที่ บ้านบ้างแล้วแน่ ๆ ถ้างั้นมาดูวิธีปลูกผักชีที่เรานำมาฝากกันได้เลย
ผลผักชีและสารสกัดจากผลผักชีมีฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ และสามารถใช้ร่วมกับยาลดระดับน้ำตาลในเลือดอย่าง glimepiride, glyburide, insulin, pioglitazone และ rosiglitazone เพื่อเสริมประสิทธิภาพตัวยามากขึ้นก็ได้ค่ะ
4. ลดความดันเลือด
นอก จากผักชีจะมีสรรพคุณลดระดับน้ำตาลในเลือดแล้ว ผลการศึกษาฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของผลและเมล็ดผักชียังพบว่า ส่วนของผักชีดังกล่าวมีฤทธิ์ลดความดันโลหิตได้ และสามารถเสริมประสิทธิภาพให้ยาลดความดันโลหิต เช่น captopril, enalapril, losartan, valsartan, diltiazem, amlodipine, hydrochlorothiazide และ furosemide ทำงานได้อย่างเต็มที่มากขึ้นด้วย
5. ลดความเสี่ยงโรคมะเร็งที่มาจากการบริโภคอาหารปิ้งย่าง
ผลการวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Clinical Nutrition เผยว่า เครื่องเทศรสเผ็ดร้อนอย่างผักชีมีส่วนช่วยยับยั้งสารก่อมะเร็งกลุ่มแอทเทอโร ไซคลิกเอมีน หรือ HCAs ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งที่เกิดจากการประกอบอาหารประเภทปิ้งย่างได้ นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Food Science ที่ได้ผลการศึกษาไปในทางเดียวกันด้วย
6. ต้านอาการอักเสบและบำรุงสายตา
จะ เห็นได้ว่าผักชีสด 100 กรัมมีเบต้าแคโรทีนมากถึง 3,930 ไมโครกรัม ทั้งยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลากหลายชนิด ซึ่งตรงกับการศึกษาของ Plant Foods for Human Nutrition ที่ระบุว่า สารต้านอนุมูลอิสระที่สูงมากของผักชีมีส่วนช่วยต้านการอักเสบของเซลล์ในร่าง กายได้ พร้อมทั้งเบต้าแคโรทีนยังมีส่วนช่วยบำรุงการทำงานของดวงตาได้ดีอีกด้วย
สรรพคุณของผักชีมีดีขนาดนี้ก็เชื่อว่าหลายคนชักอยากจะปลูกผักชีกินเองที่ บ้านบ้างแล้วแน่ ๆ ถ้างั้นมาดูวิธีปลูกผักชีที่เรานำมาฝากกันได้เลย
วิธีปลูกผักชี
- วิธีปลูกผักชีในกระถาง หยิบรับประทานง่าย
- วิธีปลูกผักชีในน้ำ ปลูกผักสวนครัวไร้ดินไว้กินเองที่บ้านง่าย ๆ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
- วิธีปลูกผักชีในกระถาง หยิบรับประทานง่าย
- วิธีปลูกผักชีในน้ำ ปลูกผักสวนครัวไร้ดินไว้กินเองที่บ้านง่าย ๆ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
หมอชาวบ้าน
โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ
คณะเภสัชสาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
medicalnewstoday
โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ
คณะเภสัชสาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
medicalnewstoday
เครดิตภาพ http://health.kapook.com/view154743.html
No comments:
Post a Comment