Thursday, September 7, 2017

10 วิธีเลี้ยงลูกแบบคุณแม่ใจร้าย เพื่ออนาคตของเจ้าตัวเล็ก




         มาสวมบทบาทเป็นคุณแม่ใจร้าย ด้วย 10 วิธีเลี้ยงลูก เพื่อปลูกฝังนิสัยที่ดีให้กับเจ้าตัวเล็กกันเถอะค่ะ

          สำหรับคุณพ่อคุณแม่ โจทย์ที่ยากที่สุดในชีวิตก็คงจะหนีไม่พ้นการเลี้ยงลูกถูกไหมคะ เพราะพ่อแม่ทุกคนนั้นก็หวังจะให้ลูกเป็นเด็กดี เชื่อฟังคำสั่งสอน เพื่อที่ในอนาคตเขาจะได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในวันข้างหน้า แต่ละครอบครัวก็มีวิธีการเลี้ยงลูกที่แตกต่างกันไป ทว่าการเลี้ยงลูกที่ดีนั้นไม่ใช่แค่จะตามใจพวกเด็ก ๆ ไปเสียหมด ต้องหัดดุหรือใจร้ายกับพวกเขาเสียบ้าง เพื่อสร้างนิสัยที่ดีให้กับลูกตั้งแต่ยังเล็ก ซึ่งวันนี้กระปุกดอทคอมได้นำ 10 วิธีเลี้ยงลูกแบบคุณแม่ใจร้ายมาฝากกันแล้วค่ะ ถึงแม้จะต้องเห็นหนู ๆ ร้องไห้งอแง คุณแม่ก็ต้องอดทนนะคะ เพื่อฝึกให้เด็ก ๆ ได้รู้จักความอดทน และมีระเบียบวินัย สามารถเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคตได้ค่ะ

1. ส่งเด็ก ๆ เข้านอนตรงเวลา

          การนอนหลับพักผ่อนเป็นช่วงเวลาที่ลูกน้อยจะเจริญเติบโต เพราะโกรทฮอร์โมนจะหลั่งในเวลากลางคืน คุณแม่ไม่ควรให้เด็ก ๆ เข้านอนดึก เพราะนอกจากร่างกายไม่ได้หลั่งโกรทฮอร์โมนอย่างเต็มที่ แต่ยังจะสร้างนิสัยนอนดึกจนเคยตัวและไม่อยากตื่นนอนในเวลาเช้า ลามไปถึงไม่อยากตื่นไปโรงเรียนด้วยล่ะค่ะ

2.  เด็ก ๆ ไม่ควรทานขนมหวานทุกวัน

          แน่นอนว่าเด็ก ๆ ชอบของหวาน แต่คุณแม่ควรจะให้พวกเขาทานเฉพาะตอนที่มีโอกาสพิเศษเท่านั้น เพราะนอกจากปัญหาเรื่องฟันผุแล้ว เด็ก ๆ อาจจะกินเยอะจนเคยตัว จนอาจเป็นโรคเบาหวานได้นะคะ

3. สอนให้หนู ๆ เก็บเงินซื้อของ

          เวลาไปห้างสรรพสินค้ากับเจ้าตัวน้อยแล้วเดินผ่านมุมของเล่น แน่นอนว่าเด็ก ๆ จะต้องงอแงอยากได้ตุ๊กตา รถบังคับ หรืออะไรก็ตามแต่ ซึ่งคุณแม่จะต้องสวมบทคุณแม่ใจร้ายไว้ ห้ามใจอ่อนซื้อให้โดยเด็ดขาด โดยการบอกพวกเขาไปว่าถ้าอยากได้ก็ต้องเก็บเงินค่าขนมวันละเล็กวันละน้อย เพื่อให้พวกเขารู้คุณค่าของเงินนั่นเองค่ะ

4. หัดให้เจ้าตัวเล็กช่วยเหลือตนเอง

          เมื่อเด็ก ๆ เริ่มโตพอที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ คุณแม่ควรให้เจ้าตัวเล็กช่วยเหลือตัวเองในกิจวัตรประจำวัน อย่างเช่น อาบน้ำ ทานข้าว หรือแปรงฟัน เพราะเป็นการฝึกความคิด การตัดสินใจ อีกทั้งเด็กยังจะรู้สึกภาคภูมิใจเมื่อพวกเขาทำสำเร็จด้วยค่ะ

5. ลองให้หนูน้อยรู้สึกสูญเสียบ้าง

          หากเจ้าตัวเล็กทำของเล่นพัง คุณแม่ไม่ควรซื้อชิ้นใหม่มาแทนที่โดนทันทีนะคะ ให้หนูน้อยรู้สึกสูญเสียของสิ่งที่พังไปและไม่สามารถนำกลับมาใช้ได้ใหม่ ไม่อย่างนั้นเด็ก ๆ ก็จะไม่รู้จักคุณค่าของสิ่งของต่าง ๆ เล่นทิ้งเล่นขว้าง และอาจกลายเป็นเด็กที่มีอารมณ์ฉุนเฉียวได้ค่ะ

6. ฝึกให้เด็ก ๆ พูด "ขอโทษครับ/ค่ะ" "ขอบคุณครับ/ค่ะ"

          เมื่อเด็ก ๆ ผิด สิ่งแรกที่ต้องทำนั่นก็คือการพูดขอโทษนั่นเอง รวมไปถึงเวลาได้ของจากผู้ใหญ่ ก็ควรให้เด็ก ๆ พูดขอบคุณด้วย เป็นมารยาทพื้นฐานในสังคม คุณแม่ควรฝึกหนู ๆ ให้พูดจนชินปากตั้งแต่ยังเล็ก รับรองเลยว่าลูกน้อยของคุณใครเห็นก็ต้องชมว่าน่ารักแน่ ๆ เลยล่ะค่ะ

7. อย่าให้ลูกติดสมาร์ทโฟน

          สังเกตไหมว่าเดี๋ยวนี้เด็ก ๆ วัยประถมก็มีสมาร์ทโฟนใช้กันแล้ว ซึ่งมันมีทั้งข้อดีและข้อเสีย คุณแม่ควรจับตาคอยดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะอันตรายจากโซเชียลมีเดียนั้นมีมากทีเดียว อีกทั้งหากจ้องหน้าจอสมาร์ทโฟนมากเกินไปอาจทำให้จอประสาทตาของลูก ๆ เสียได้นะคะ

8. สอนให้ลูกคิดเป็นเหตุเป็นผล

          การสอนให้ลูกรู้จักคิดวิเคราะห์จะช่วยส่งเสริมพัฒนาด้านไอคิวและอีคิว โดยการคิดเป็นเหตุเป็นผลนั้นอาจจะไม่ต้องถึงกับวิชาการมากนัก แค่เรื่องในชีวิตประจำวันคุณแม่ก็สามารถตั้งคำถามให้ลูกน้อยกลับไปคิดเองได้ เช่น เจ้าตัวเล็กอยากได้ของเล่นแพง ๆ คุณแม่ก็ควรถามว่าทำไมถึงต้องซื้อของแพง หรือถามว่าทำไมต้องได้ของเล่นชิ้นใหม่ ในเมื่อชิ้นเก่าก็ยังเล่นได้อยู่

9. ต้องเด็ดเดี่ยว ไม่ใจอ่อน

          ถึงแม้ว่าจะพยายามใจร้ายกับลูก แต่เชื่อว่าคนเป็นแม่ยังไงก็ต้องแอบใจอ่อนอยู่ดี ซึ่งคุณแม่ก็มีจิตใจเข้มแข็งเด็ดเดี่ยวไว้นะคะ ไม่ว่าลูกจะอ้อนขออะไรก็ควรเสียงแข็งไว้ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวเด็ก ๆ จะเข้าใจได้ว่าแค่อ้อนคุณแม่ก็ใจอ่อนแล้ว

10. ตั้งเงื่อนไขกับเจ้าตัวน้อย

          บางทีการห้ามนู่นห้ามนี่กับเด็ก ๆ อาจทำให้พวกเขาเก็บกดและไม่กล้าที่จะแสดงออก ดังนั้นเพื่อไม่ให้เป็นคุณแม่ใจร้ายมากเกินไปจนส่งผลเสียกับลูก ดังนั้นเวลาเจ้าตัวน้อยอยากได้หรืออยากทำอะไรคุณแม่ควรตั้งเงื่อนไข เพื่อฝึกวินัยให้พวกเขา เช่น ก่อนจะดูทีวีต้องดื่มนมให้หมดก่อน เป็นต้น

          ทั้งนี้การเลี้ยงลูกไม่ว่าจะสวมบทบาทเป็นคุณแม่ใจดีหรือใจร้าย ก็ควรให้ความรักความอบอุ่นและสร้างความปลอดภัยให้กับตัวลูก ๆ อีกทั้งการสอนลูกที่ดีที่สุดคือพฤติกรรมตัวอย่างจากพ่อแม่นี่แหละค่ะ เพราะเด็ก ๆ จะเรียนรู้โดยอัตโนมัติ เป็นการสอนที่ได้ผลดีที่สุดเลยล่ะค่ะ

ข้อมูลจาก : familyshare.com, imom.com
เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/explore/cute-babies/

No comments:

Post a Comment